<h3>ป.ป.ช. แพร่ผลคดีชี้มูลความผิด 'วราภรณ์ ศรีวงษ์' เจ้าพนักงานการเงินบัญชี 4 เทศบาลมาบอำมฤต จังหวัดชุมพร ทุจริตเบียดบังเงินราชการ ล่าสุด ศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบภาค 8 สั่งลงโทษจำคุก 27 กระทง รวม 135 ปี รับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่ง เหลือ 67 ปี 6 ด. แต่โดนจริง 50 ปี</h3> <h3><!--more--></h3> <h3>เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ผลการพิจารณาคดี นางวราภรณ์ (สงวนนามสกุล) เจ้าพนักงานการเงินและบัญชี 4 สำนักงานเทศบาลตำบลมาบอำมฤต อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร เบียดบังเงินของทางราชการที่อยู่ในความรับผิดชอบไปเป็นประโยชน์ของตนหรือของผู้อื่นโดยทุจริต ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 และมาตรา 157 เมื่อวันที่ 13 มี.ค.2550 ที่ผ่านมา</h3> <h3>ความคืบหน้าล่าสุด ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 7 ก.พ.2562 ว่า นางวราภรณ์ (สงวนนามสกุล) มีความผิดตาม มาตรา 147 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามมาตรา 91 จำคุกกระทงละ 5 ปี รวม 27 กระทง เป็นจำคุก 135 ปี ให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามมาตรา 78 คงจำคุก 67 ปี 6 เดือน แต่เมื่อรวมทุกกระทงแล้วให้จำคุก 50 ปี ตาม ม.91 (1) คำขออื่นนอกจากนี้ ให้ยก</h3> <h3>สำหรับ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท</h3> <h3>เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีการประชุมลงมติ เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.2562 เห็นชอบตามความเห็นของอัยการสูงสุด (อสส.) ที่จะไม่อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8</h3> <h3>ข้อมูลข่าวจาก: <a href="https://www.isranews.org/isranews/80361-news02_80361.html?fbclid=IwAR0l00lVC29oTlLo8FCQfze6AiSccwxAl-VFl9JuBmwxdwaET6YBxW7Iv1Q">isranews</a></h3>