<h2>พ.ร.บ.รถยนต์ หรือ การประกันรถยนต์ภาคบังคับ ซึ่งรถยนต์ หรือจักรยานยนต์ ทุกคันจะต้องทำประกันนี้ไว้ และทุกครั้งที่จะต้องเสียภาษีต่อทะเบียนรถ จะต้องซื้อ พ.ร.บ.ควบคู่ไปด้วย เพื่อคุ้มครองผู้ประสบอุบัติเหตุจากรถยนต์ และจักรยานยนต์ เป็นหลัก ซึ่งการคุ้มครอง มีดังนี้</h2> <!--more--> <h2>*ค่าเสียหายเบื้องต้น ได้รับโดยไม่ต้องรอพิสูจน์ความผิด 1. ค่ารักษาพยาบาล จากการบาดเจ็บ จ่ายตามจริง สูงสุดไม่เกิน 30,000 บาทต่อคน 2. การเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ หรือ ทุพพลภาพอย่างถาวร 35,000 บาทต่อคน (หากเสียหายรวมกันทั้งข้อ 1 และ ข้อ 2 ต้องไม่เกิน 65,000 บาทต่อคน)</h2> <img class=" wp-image-11498 aligncenter" src="https://katipnews.com/wp-content/uploads/2019/04/57244670_2002090726753165_5204043144772976640_n-400x400.jpg" alt="" width="576" height="576" /> <h2>*การจ่ายค่าสินไหมทดแทน ซึ่งผู้เคลมประกัน จะได้รับภายหลังจากการพิสูจน์แล้วว่า"ไม่ได้เป็นฝ่ายผิด"ตามกฎหมาย โดยมีวงเงินคุ้มครองรวมกับค่าเสียหายเบื้องต้นดังนี้ กรณีเป็นฝ่ายถูก 1. ค่ารักษาพยาบาลจากการบาดเจ็บ สูงสุดไม่เกิน 80,000 บาทต่อคน 2. การเสียชีวิต/ทุพพลภาพอย่างถาวร 300,000 บาทต่อคน 3. สูญเสียอวัยวะ</h2> <h2>3.1 สูญเสียมือตั้งแต่ข้อมือ หรือแขน หรือเท้าตั้งแต่ข้อเท้า หรือขา หรือ ตาบอด อย่างใดอย่างหนึ่งรวมกัน ตั้งแต่ 2 กรณีขึ้นไป 300,000 บาท 3.2 สูญเสียมือตั้งแต่ข้อมือ หรือแขน หรือเท้าตั้งแต่ข้อเท้า หรือขา หรือสายตา(ตาบอด) หรือ หูหนวกเป็นใบ้ หรือเสียความสามารถในการพูดหรือลิ้นขาด สูญเสียอวัยวะสืบพันธุ์ หรือความสามารถในการสืบพันธุ์ จิตพิการอย่างติดตัว หรือเสียอวัยวะอื่นใด 250,000 บาท 3.3 สูญเสียนิ้วตั้งแต่ข้อนิ้วขึ้นไป ไม่ว่านิ้วเดียว หรือ หลายนิ้ว 200,000 บาท</h2> <h2>4.ค่าชดเชยการรักษาตัว กรณีผู้ป่วยใน 200 บาทต่อวัน แต่ไม่เกิน 20 วัน หรือไม่เกิน 4,000 บาท 5. จำนวนเงินคุ้มครองสูงสุดรวมกันต้องไม่เกิน 304,000 บาท 6. วงเงินคุ้มครองความรับผิดสูงสุดต่ออุบัติเหตุแต่ละครั้ง สำหรับรถยนต์ไม่เกิน 7 ที่นั่ง 5,000,000 ต่อครั้ง 7 วงเงินคุ้มครองความรับผิดสูงสุดต่ออุบัติเหตุแต่ละครั้ง สำหรับรถยนต์เกิน 7 ที่นั่ง 10,000,000 ต่อครั้ง</h2> <h2>สำหรับ เอกสารที่จะต้องใช้เวลาการเคลม พ.ร.บ. มีดังนี้ กรณีบาดเจ็บ 1. สำเนาบัตรประชาชนผู้ประสบอุบัติเหตุ 2. ใบเสร็จรับเงินต้นฉบับ</h2> <h2>กรณีเบิกค่าชดเชยหรือผู้ป่วยใน 1. สำเนาบัตรประชาชนผู้ประสบอุบัติเหตุ 2. ใบรับรองแพทย์ หนังสือรับรองการรักษาตัวเป็นผู้ป่วยใน</h2> <h2>กรณีทุพพลภาพ 1. สำเนาบัตรประชาชนผู้ประสบอุบัติเหตุ 2. ใบรับรองแพทย์และหนังสือรับรองความพิการ 3. สำเนาบันทึกประจำวันของพนักงานสอบสวน หรือ หลักฐานอื่นที่แสดงว่าผู้นั้นได้รับความเสียหายจากการประสบภัยจากรถ</h2> <h2>กรณีเสียชีวิต 1. สำเนาบัตรประชาชนผู้ประสบอุบัติเหตุ 2. ใบมรณบัตร 3. สำเนาบัตรประชาชนทายาทสำเนาทะเบียนบ้าน 4. สำเนาบันทึกประจำวันในคดีของพนักงานสอบสวน หรือหลักฐานอื่นที่แสดงว่าผู้นั้นถึงแก่ความตาย เพราะการประสบภัยจากรถ</h2> <h2>เมื่อเตรียมเอกสารเรียบร้อยแล้ว สามารถทำเรื่องขอเบิกเงิน จากบริษัทประกันภัยรถยนต์ที่เราซื้อ พ.ร.บ.มา ซึ่งสามารถดูได้ที่กรมธรรม์ และ บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ได้ทุกสาขาทั่วประเทศ สำหรับรถจักรยานยนต์ ซึ่งจะมีการเบิกจ่ายเงินภายใน 7 วัน โดย พ.ร.บ.จะคุ้มครองผู้เสียหายในส่วนของคนเท่านั้น ส่วนทรัพย์สิน หรือ ตัวรถจะไม่ได้รับการคุ้มครอง</h2> <h2>ฉะนั้น ผู้ขับขี่รถยนต์ ควรจะทำประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ หรือที่เราเรียกว่าประกันรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นชั้น 1 ชั้น 2 หรือชั้น 3 ก็ควรทำไว้เช่นกัน เพื่อประกันความเสี่ยงจากอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้น</h2> <h2>ขอขอบคุณ: ทิพยประกันภัย / Thairath-ไทยรัฐ/สำนักประชาสัมพันธ์เขต7</h2> <h2></h2>