<h3>‘ประยุทธ์’ เป็นสักขีพยานลงนามเอ็มโอยูป้องกันโรควัยทำงาน เปิดตัว 10 แพ็กเกจส่งเสริมสุขภาพ ครวญ! เจอแต่ปัญหาจนเป็นโรคเครียด พ้อมีคนแช่งให้ตายไม่รู้เกลียดอะไร ยินดีรับคำด่าเพราะเป็นคนรับใช้ประชาชน</h3> <h3><!--more--></h3> <h3>เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 12 ก.ย. ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พร้อมด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข เป็นประธานและสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคคนวัยทำงานในสถานประกอบการ ระหว่างกระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม กรุงเทพมหานคร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมโรงพยาบาลเอกชน และเปิดตัวแนวทาง 10 Packages ส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อมในสถานประกอบการ</h3> <h3>สำหรับชุดความรู้สุขภาพ 10 เรื่อง ประกอบด้วยชุดที่ 1.หุ่นดีสุขภาพดี 2.จิตสดใส ใจเป็นสุข 3.ครอบครัวสดใส ใส่ใจดูแล 4.สุดยอดคุณแม่ 5.เตรียมเกษียณอย่างมีคุณค่า พาซีวายืนยาว 6.ออฟฟิศ ซินโดรม 7.สถานประกอบการจะก้าวไกล ต้องใส่ใจสุขภาพแรงงานต่างชาติ 8.สถานประกอบการดี ชีวีสดใสไร้แอลกอฮอล์ บุหรี่ 9.โรงอาหารปลอดภัยใส่ใจสุขภาพ และ 10.สถานประกอบการปลอดภัยสิ่งแวดล้อมดี มีสมดุลชีวิต</h3> <h3><img class=" wp-image-13314 aligncenter" src="https://katipnews.com/wp-content/uploads/2019/09/12-นายก1-400x267.jpg" alt="" width="620" height="414" /></h3> <h3>พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้ต้องแยกให้ออกว่าอะไรคือสุขภาพอนามัยและการรักษาพยาบาล ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นวงจรเดียวกัน ตนยินดีที่มีการบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการส่งเสริมสุขภาพในครั้งนี้ ถือเป็นการนำร่องไม่ใช่เพียงสถานประกอบการอย่างเดียว แต่ประชาชนทั่วไปต้องดูแลสุขภาพด้วย เพราะถือเป็นจุดเริ่มต้นเพื่อชีวิตที่มีความสุขต่อไปในอนาคต</h3> <h3>พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า รัฐบาลมีเป้าหมายสำคัญคือให้คนไทยมีสุขภาพที่ดี และหลายคนอาจยังไม่ทราบว่า ระบบสุขภาพของคนไทยได้รับการประเมินอยู่ที่อันดับ 6 ในจำนวน 89 ประเทศ และเราเป็นอันดับ 1 ในอาเซียน ซึ่งสิ่งเหล่านี้เริ่มต้นมาจากสถาบันพระมหากษัตริย์ ตั้งแต่ในหลวงรัชกาลที่ 9 มาจนถึงในหลวงรัชกาลที่ 10 และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ที่ให้ความสำคัญในระบบสุขภาพของคนไทย ซึ่งรัฐบาลจะสืบสานสิ่งเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากลงนามความร่วมมือแล้วขอให้ทุกคนช่วยกันทำอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลแล้วก็ต้องเปลี่ยนแปลงอีก</h3> <h3>นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า คนไทยอยู่ในวัยทำงาน 51 ล้านคน ซึ่งถือเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมให้กับประเทศชาติ ดังนั้นต้องพัฒนาตัวเองด้วยซึ่งรัฐบาลก็จะดูแล ขณะเดียวกัน 5 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้เก็บทุกเรื่องที่ไม่สมบูรณ์มาแก้ปัญหา และเชื่อว่าจะดีขึ้นเรื่อย ๆ ถ้ามองฟรีอย่างเดียวไม่ได้ ต้องดูทั้งระบบและหาเงินมาสนับสนุน แต่สิ่งที่จะไม่เสียเงินเลยคือการรักษาสุขภาพให้ดี วันนี้มีหลายโรคด้วยกัน เช่น เบาหวาน ความดัน และโรคเครียด</h3> <h3>“โรคเครียดผมก็เป็น เพราะมีหลายอย่างรุมเร้า เดี๋ยวก็จะปรึกษาหมอ แต่สู้ได้ เพราะผมไม่ได้สู้เพื่อตัวเอง แต่สู้เพื่อคนในชาติ และวันนี้ก็มีคนสู้กับผม ทั้งนักการเมือง พรรคการเมือง ซึ่งเป็นสิ่งที่ประชาชนต้องการให้มีการเลือกตั้ง เมื่อมีแล้วแล้วจะอะไรกันนักหนาก็ต้องช่วยกันทำงาน มันมีเรื่องทุกวัน ปัญหาก็ต้องแก้ โอเค ไม่เป็นไร ผมจะไม่บ่น” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว</h3> <h3>พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า แม้ตนจะไม่ใช่หมอ แต่ทำงานมา 4-5 ปีก็ได้ฟังหมอมาจำนวนมาก แต่โชคดีที่ไม่ได้ป่วยหนักหนาสาหัสแบบที่หลายคนอยากให้เป็น และหลายคนบอกตนบ่นมากเมื่อไหร่จะลาออกสักที ซึ่งตนไม่ได้บ่นแค่พูดให้ฟังเฉย ๆ และบางคนก็บอกเมื่อไหร่ผมจะตาย ๆ สักทีก็ดีเหมือนกัน คนเราทำไมเกลียดกันขนาดนี้ แต่คนรักตนก็มีเยอะอย่างน้อยในห้องนี้ เดี๋ยวจะหาว่าตนพูดการเมืองอีก นอกจากนี้ วันนี้อะไรก็ด่านายกฯไว้ก่อน แต่ไม่เป็นไรยินดี เพราะตนเป็นคนรับใช้ประชาชนอยู่แล้ว ไม่ใช่เจ้านาย</h3> <h3>นายกฯ กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันโรคเครียดส่วนหนึ่งก็เกิดจากการเสพสื่อ วันนี้มีโรคโซเชียลซินโดรม โรคเสพสื่อโซเชียล ซึ่งวันนี้ก็มีสื่อจำนวนมาก ตนไม่ใช่ศัตรูกับสื่ออยู่แล้ว แต่อย่าทำให้เสียชื่อเสียงประเทศชาติ เพราะเรื่องในประเทศก็คือเรื่องภายในประเทศ หากเราไม่แก้ไขแล้วใครจะแก้ เหมือนเรื่องสุขภาพหากเราไม่ดูแลแล้วใครจะดูแลให้ อย่างไรก็ตาม ต้องขอขอบคุณสื่อ แต่ขออย่าทำให้คนไทยทั้งประเทศเครียด เพราะหากทำให้คนเป็นโรคขึ้นมาก็จะอันตราย ดังนั้น วันนี้ขอให้ทุกคนร่วมกันดูแลในเรื่องสุขภาพและเรื่องอื่น ๆ ที่เป็นปัญหาของประเทศไทยไปด้วยกัน</h3> <h3>จากนั้น เวลา 10.20 น. พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมด้วย นายอนุทิน, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข และปลัดกระทรวงที่มาร่วมงาน ได้ลงมาทานกาแฟที่ห้องอาหารชั้นล่างของโรมแรม ประมาณ 15 นาที ก่อนเดินทางกลับทำเนียบรัฐบาล</h3> <h3>ขณะที่การประชุมคณะรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจเดิมได้มีการกำหนดไว้ในวันเดียวกันนี้ แต่ได้เลื่อนไปก่อนเนื่องจากรัฐมนตรีหลายคนมีภารกิจเข้าร่วมการประชุมสภาผู้แทนราษฎร</h3> <h3>ข้อมูลข่าวจาก: <a href="https://www.khaosod.co.th/politics/news_2881486"><img class="alignnone wp-image-13315" src="https://katipnews.com/wp-content/uploads/2019/09/logo.png" alt="" width="116" height="35" /></a></h3> <h3></h3>