<h3>วันที่ 7 ก.ย. ที่พรรคภูมิใจไทย มีการจัดการประชุมรับฟังความคิดเห็นภาคประชาชน ในการแก้ไขกฎหมายกัญชาเสรี เพื่อนำไปแก้ไขพระราชบัญญัติ 2 ฉบับ คือ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่) พ.ศ…. และ ร่างพระราชบัญญัติสถาบันพืชยาเสพติดแห่งประเทศไทย พ.ศ… ก่อนนำเข้าสภาผู้แทนราษฎรในสัปดาห์หน้า โดยมีนายสรอรรถ กลิ่นประทุม ประธานที่ปรึกษาพรรคภูมิใจไทย นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย และผู้เกี่ยวข้องทั้งในภาครัฐ เอกชน ประชาชน เข้าร่วมแสดงความคิดเห็น</h3> <h3><!--more--></h3> <img class=" wp-image-13249 aligncenter" src="https://katipnews.com/wp-content/uploads/2019/09/1567844924_62248_900x50466-400x224.jpg" alt="" width="623" height="349" /> <h3>นายศุภชัย กล่าวว่า เนื้อหาของร่างพ.ร.บ.ทั้ง 2 ฉบับ ที่เห็นควรให้เพิ่มเติมคือมุ่งเน้นให้ประชาชนสามารถปลูกกัญชาได้ไม่เกิน 6 ต้นต่อครอบครัว และปลูกเพื่อผลิตใช้ในทางการแพทย์ได้อย่างถูกต้อง รวมถึงหน่วยงานที่มีความสามารถในการวิจัยและพัฒนากัญชาและฝิ่น เนื่องจากฝิ่นเป็นพืชอีกชนิดที่สามารถนำไปผลิตเป็นมอร์ฟีนได้ และหากทำได้จะเกิดประโยชน์ต่อประเทศ และอาจต่อเนื่องเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ให้กับประเทศได้ด้วย</h3> <h3>น.พ.สมนึก ศิริพานทอง กรรมการสมาคมเซลล์บำบัดไทย ระบุว่า ตนมีความเห็นว่าควรสร้างกติกาในการปลูกให้แข็งแรง การปลูกด้วยเมล็ดต้องได้รับการลงทะเบียน มีหน่วยงานรับรอง และหากกัญชาที่ปลูกมีค่าทีเอชซีเกิน 0.5 ก็ต้องนำไปเข้ากระบวนการทางการแพทย์ แต่ถ้าน้อยกว่านั้น ต้องนำไปใช้ประโยชน์ในทางเครื่องสำอางเท่านั้น นอกจากนี้ มีความเห็นว่า การอนุญาตให้ปลูกที่บ้านได้ ควรเป็นสายพันธุ์ที่มีค่าทีเอชซีไม่สูงมาก และมีที่มาของเมล็ดอย่างถูกต้อง</h3> <h3>“สารทีเอชซี ไม่ได้เป็นสารตัวเดียวที่ใช้ประโยชน์ได้ในกัญชา และกัญชาไทยมีสารชนิดอื่นที่รักษาโรคเบาหวาน โรคต้อหิน และโรคอื่นได้ ดังนั้นถ้าต้องการปลูกกัญชาที่มีสารซีบีดี ก็สามารถปลูกในชุมชนได้ แต่ต้องมีโรงงานผลิตยารองรับ เพื่อการพึ่งพาตนเองของชุมชนได้ ผมยืนยันว่า ประเทศไทยไม่ต้องอาศัยกัญชาจากต่างประเทศ เพราะเรามีพร้อม แค่ต้องทำต้นทางให้ถูกต้อง กรณีปลูกบ้านใช้ในครัวเรือน ต้องเป็นสายพันธุ์ที่ถูกต้องเท่านั้น” น.พ.สมนึก กล่าว</h3> <img class=" wp-image-13248 aligncenter" src="https://katipnews.com/wp-content/uploads/2019/09/1567845306_74951_900x50469-400x224.jpg" alt="" width="650" height="364" /> <h3>นางรสนา โตสิตระกูล เลขาธิการมูลนิธิสุขภาพไทย กล่าวว่า เห็นด้วยที่พรรคภูมิใจไทยนำเสนอให้มีการแก้ไขกฎหมาย 2 ฉบับ แต่ขอให้พรรคภูมิใจไทย ตอบข้อสงสัยในรายละเอียดของร่าง พ.ร.บ.สถาบันพืชยาเสพติดแห่งประเทศไทยว่า จะแก้ปัญหาการผูกขาดของภาครัฐ ที่กำหนดระยะเวลา 5 ปี ให้อยู่ในความควบคุมของสถาบันด้วยหรือไม่ รวมถึงกรณีการรับซื้อ สถาบันสามารถรับซื้อจากประชาชนที่ปลูกในครัวเรือน 6 ต้นด้วยใช่หรือไม่ และต้องขายให้กับสถาบันเท่านั้นหรือ และกรณีของหมอพื้นบ้านที่ต้องการซื้อกัญชา กำหนดให้ต้องซื้อจากสถาบันเท่านั้นใช่หรือไม่ เพราะหากถูกรัฐผูกขาดเป็นระยะเวลา 5 ปี แพทย์แผนไทยและหมอพื้นบ้านก็จะถูกปิดกั้น การอนุญาตให้ประชาชนปลูกในครัวเรือนได้ 6 ต้น ก็ไม่เกิดประโยชน์</h3> <h3>นางรสนา กล่าวด้วยว่า ขอให้พรรคภูมิใจไทย ระบุเรื่องของการเปิดโอกาสให้แพทย์แผนไทยและหมอพื้นบ้าน สามารถปลูกใช้ พัฒนาสายพันธุ์ ศึกษาวิจัยนวัตกรรมการรักษาโรคจากกัญชา เพื่อให้ประเทศไทยได้รับการยอมรับจากต่างชาติ หากไม่ทำอีกไม่นานประเทศไทยจะต้องซื้อสิทธิบัตรจากต่างชาติมาใช้แน่นอน</h3> <h3>นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย ม.รังสิต แสดงความเห็นว่า การเสนอให้มีการแก้ไขกฎหมายทำได้ แต่ขอให้อยู่ภายในอนุสัญญาเดี่ยวว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ ค.ศ. 1961 และพิธีสารแก้ไขเพิ่มเติมอนุสัญญาเดี่ยวว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ ค.ศ.1972 และอนุสัญญาว่าด้วยวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ค.ศ.1971</h3> <h3>“ในมาตรา 28 ระบุว่า บรรดาภาคีประเทศต้องกำหนดมาตรการควบคุมเท่าที่จำเป็น เพื่อป้องกันไม่ให้มีการนำไปใช้ในทางที่ผิดการค้า ผิดกฎหมาย ซึ่งใบของต้นกัญชา แสดงว่าต้องมีมาตรการควบคุมถ้าเราจะเป็นสมาชิกภาคีนี้อยู่ ขอเรียนว่า กัญชาและฝิ่น ไม่ได้บอกว่าห้ามใช้ แต่อนุสัญญานี้ระบุว่าจะไม่มีความผิดเลย ถ้านำไปใช้ทางแพทย์และทางวิทยาศาสตร์ อยู่ที่แต่ละประเทศนำไปกำหนดทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์อย่างไร”</h3> <h3>นายปานเทพกล่าว กล่าวอีกว่า ในอนุสัญญานี้ให้คำจำกัดความว่า ต้องมีสถาบันขึ้นมาดูแล ของเราก็คือ สถาบันพืชยาเสพติดแห่งชาติ ที่อยู่ระหว่างการร่างพ.ร.บ.ควบคู่กัน ซึ่งต้องเป็นองค์การมหาชนเพื่อความคล่องตัวในการดำเนินการใดๆ</h3> <h3>นอกจากนี้ยังเห็นว่า ควรยกเลิกมาตรา 21 ในบทเฉพาะกาล ที่ระบุให้ผูกขาดกับรัฐเป็นระยะเวลา 5 ปี เพราะยังมีกลุ่มที่มีความสามารถในการผลิตและพัฒนาสายพันธุ์กัญชา ที่มีซีบีดีสูง ทีเอชซีต่ำ นำออกมาใช้ประโยชน์เพื่อประชาชนมากขึ้น หากปล่อยให้รัฐผูกขาดเช่นนี้ ประเทศจะล้าหลัง อย่างไรก็ตาม ควรอนุญาตให้แพทย์แผนไทยประยุกต์และหมอพื้นบ้าน ปลูกเพื่อขึ้นทะเบียนและใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์ และหากมีความเด่นชัดเรื่องกัญชา ก็ควรรับรองให้เป็นหมอพื้นบ้านทางด้านกัญชา หากทำเช่นนี้ ประเทศไทยจะรอดและเกิดพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ขึ้นได้</h3> <h3>ทั้งนี้ นายศุภชัย ให้สัมภาษณ์ทีมข่าวเวิร์คพอยท์ ก่อนหน้านี้ว่า ขั้นตอนกฎหมายคงกำหนดไม่ได้ว่าจะต้องใช้เวลาทั้งหมดเท่าใด เพราะอาจจะมีส่วนที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายการเงินที่นายกรัฐมนตรีต้องลงนาม และต้องถามความเห็นสภาด้วยว่าจะเห็นชอบหรือไม่ แต่ถ้าพิจารณากันจริงๆ ครึ่งปีก็เสร็จ ซึ่งการผลักดันกฎหมายนี้พรรคภูมิใจไทยเราทำตามที่เราหาเสียงไว้</h3> <h3>ข้อมูลข่าวจาก: <a href="https://workpointnews.com/2019/09/07/marijuana-12-1/">workpointnews</a></h3>