<h3>“นายอนันต์ชัย อุทัยพัฒนาชีพ” เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากสถาน</h3> <!--more--> <img class=" wp-image-12080 aligncenter" src="https://katipnews.com/wp-content/uploads/2019/06/อนันต์ชัย-อุทัยพัฒนาชีพ-728x482-400x265.jpg" alt="" width="586" height="388" /> <h3>สำนักงานประกันสังคมได้ให้ความสำคัญในการสนับสนุนประชากรของประเทศให้มีบุตรเพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มอัตราการเกิดของประชากรที่กำลังลดลงรวมถึงสร้างกำลังแรงงานในอนาคต โดยจูงใจให้ผู้ประกันตนมีบุตรเพิ่มขึ้น</h3> <h3>ปัจจุบันสำนักงานประกันสังคมได้มีการจ่ายสิทธิประโยชน์กรณีคลอดบุตรที่ครอบคลุมสำหรับลูกจ้าง ผู้ประกันตนมากยิ่งขึ้น โดยจ่ายสิทธิประโยชน์ให้ผู้ประกันตนได้รับค่าคลอดบุตรโดยไม่จำกัดจำนวนครั้ง และสามารถคลอดบุตรที่สถานพยาบาลใดก็ได้ ซึ่งจะได้รับเงินเหมายจ่าย จำนวนครั้งละ 13,000 บาท และเงินสงเคราะห์การหยุดงาน เพื่อการคลอดบุตรในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างเฉลี่ยเป็นเวลา 90 วัน ไม่เกิน 2 ครั้ง</h3> <h3>ส่วนผู้ประกันตนชาย ที่มีภริยาจดทะเบียนสมรสหรือหญิงซึ่งอยู่กินฉันสามีภริยาแต่มิได้จดทะเบียนสมรสจะได้รับเฉพาะเงินค่าคลอดบุตรเหมาจ่าย จำนวน 13,000 บาท นอกจากนี้ยังได้ให้สิทธิประโยชน์กรณีสงเคราะห์บุตรเหมายจ่าย เดือนละ 600 บาทต่อบุตรหนึ่งคน ซึ่งมีอายุไม่เกิน 6 ปีบริบูรณ์ คราวละไม่เกิน 3 คน</h3> <h3>ทั้งนี้สำนักงานประกันสังคมยังได้มีการสนับสนุนค่าตรวจ และรับฝากครรภ์เพิ่มอีก 1,000 บาท ให้แก่ผู้ประกันตนที่มีการเข้ารับบริการฝากครรภ์ในสถานพยาบาลตามเกณฑ์คุณภาพที่กำหนดอีกด้วย</h3> <h3>การจ่ายสิทธิประโยชน์ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มกำลังแรงงานในครั้งนี้ สำนักงานประกันสังคมคาดว่าจะเป็นแรงจูงใจส่วนหนึ่งของผู้ประกันตน ในการที่จะสร้างครอบครัว เพื่อเพิ่มประชากรวัยทำงาน รวมถึงเพิ่มกำลังแรงงานในอนาคต ซึ่งจะช่วยปรับโครงสร้างประชากรของประเทศให้มีความสมดุลต่อไป</h3> <h3>ที่มา ประชาชาติ</h3>