<h3>ภัยแล้งเกิดจากขาดฝนหรือฝนแล้งในช่วงฤดูฝน และเกิดฝนทิ้งช่วง ในเดือนมิถุนายนต่อเนื่องเดือนกรกฎาคม ส่วนใหญ่มีผลกระทบโดยตรงกับการเกษตรและแหล่งน้ำ เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่ประชาชนประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นส่วนใหญ่</h3> <h3><!--more--></h3> <h3>พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ติดตามสถานการณ์ภัยแล้ง อย่างใกล้ชิด เนื่องจากบางพื้นที่เริ่มมีฝนทิ้งช่วง ทำให้ประชาชนและเกษตรกรขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคและทำการเกษตร จึงสั่งการให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บูรณาการฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่รัฐ และ จิตอาสา ติดตามความเดือดร้อนของประชาชนและให้ความช่วยเหลือเป็นรายพื้นที่</h3> <h3>สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้มีแผนเร่งด่วน มอบหมายให้หน่วยงานต่างๆ เร่งรัดดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมทั้งการปฏิบัติการฝนหลวง การเชื่อมต่อและหาแหล่งน้ำที่มีในบริเวณใกล้เคียง การใช้น้ำบาดาล หาแหล่งน้ำสำรอง ที่มีความเสี่ยงขาดอุปโภค-บริโภค โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีความเสี่ยงขาดแคลนน้ำประปา การเตรียมเครื่องจักรเครื่องมือ รถบรรทุกน้ำ รวมถึงได้แจ้งให้กระทรวงเกษตรฯ ดำเนินการบริหารจัดการสำรวจความเสียหายด้านเกษตร และการวางแผนการปลูกพืชฤดูแล้งนี้เป็นการล่วงหน้าด้วย อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยถึงแนวทางการช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ขาดแคลนน้ำจากฝนตกน้อยกว่าค่าปกติว่า พื้นที่ทำการเกษตรซึ่งเป็นพื้นที่ที่ใช้น้ำมาก โดยให้พื้นที่ลุ่มทำการปลูกข้าวก่อน เช่น พื้นที่อำเภอบางระกำ รวมถึงพื้นที่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยาทั้ง 12 ลุ่ม ซึ่งปัจจุบันนาบางแปลงในพื้นที่ดังกล่าวเริ่มเก็บเกี่ยวแล้ว ส่วนในพื้นที่ดอนขณะนี้เริ่มทยอยเพาะปลูกประมาณร้อยละ 70 ส่วนพื้นที่ที่เหลือได้ขอความร่วมมือให้ชะลอการเพาะปลูกออกไปก่อนจนกว่าจะมีปริมาณน้ำฝนเพียงพอในการเพาะปลูก พร้อมกำชับให้โครงการชลประทานพื้นที่ทั่วประเทศตระหนักถึงการบริหารจัดการน้ำ ควบคู่กับการสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้กับประชาชนและเกษตรในพื้นที่ต่างๆ ถึงสถานการณ์ภัยแล้งและฝนทิ้งช่วง โดยขอความร่วมมือให้ใช้น้ำอย่างประหยัด กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แนะข้อควรปฏิบัติเพื่อเตรียมพร้อมรับมือและลดผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง ดังนี้ ภาคประชาชน ใช้น้ำอย่างประหยัด เปิดและปิดก๊อกน้ำให้สนิททุกครั้ง ใช้ภาชนะรองน้ำพร้อมนำน้ำที่เหลือไปใช้ประโยชน์อย่างอื่น เตรียมภาชนะไว้กักเก็บน้ำ โดยจัดหาและซ่อมแซมให้พร้อมสำหรับสำรองน้ำไว้อุปโภคบริโภค เลือกใช้อุปกรณ์ประหยัดน้ำ โดยติดตั้งอุปกรณ์เติมอากาศที่ก๊อกน้ำ ฝักบัว หรือชักโครก เพื่อเพิ่มแรงดันน้ำและลดปริมาณการใช้น้ำ รวมถึงหมั่นตรวจสอบการรั่วซึมของน้ำ โดยปิดก๊อกน้ำทุกตัว จดเลขมาตรวัดน้ำไว้ หากตัวเลขเปลี่ยนแปลงแสดงว่ามีน้ำรั่วซึมให้รีบดำเนินการซ่อมแซม เกษตรกร ควรรักษาความชื้นในดิน โดยการไถพรวนดินอยู่เสมอ ไม่เผาตอซัง รวมถึงนำวัสดุมาคลุมหน้าดิน อาทิ ฟางข้าว แกลบ ขี้เลื่อย หรือพลาสติก พร้อมทั้งติดตามสถานการณ์น้ำ และแผนการจัดสรรน้ำในพื้นที่ เพื่อวางแผนการใช้น้ำให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำต้นทุน ในพื้นที่ รวมถึงสร้างระบบกักเก็บน้ำ ในพื้นที่ อาทิ ขุดร่องน้ำ หรือใช้ระบบน้ำบาดาล และทำการเกษตรแบบใช้น้ำน้อย อาทิ น้ำพลาสติกคลุมดิน ใช้ระบบน้ำหยดในพื้นที่เพาะปลูก สำหรับการจัดการพืช ควรปลูกพืชอายุสั้นที่ใช้น้ำน้อย อาทิ ถั่วลิสง ข้าวโพด รวมถึงงดทำนาปรังช่วงฤดูแล้ง เพื่อป้องกันนาข้าวเสียหายจากการขาดแคลนน้ำ ในส่วนของภาคอุตสาหกรรม ควรจัดหาแหล่งน้ำสำรองและกักเก็บน้ำไว้ใช้ พร้อมวางแผนการผลิตให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำในพื้นที่ ตรวจสอบระบบการจัดสรรน้ำให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน รวมถึงเลือกใช้อุปกรณ์และเทคโนโลยีประหยัดน้ำ เพื่อลดการสิ้นเปลืองน้ำ และนำน้ำมาหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ ทั้งนี้ การใช้น้ำที่มีปริมาณจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยลดการใช้น้ำ ใช้น้ำซ้ำ และนำน้ำที่ใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่ ตามหลัก 3R(Reduce,Reuse,Recycle) รวมถึงการวางแผนการใช้น้ำให้สอดคล้องกับแผนการจัดสรรน้ำและปริมาณน้ำต้นทุนในพื้นที่ จะช่วยลดผลกระทบวิกฤตขาดแคลนน้ำได้</h3> <h3></h3>