<h3>ภัยแล้ง / เมื่อวันที่ 8 มี.ค. นายพัฒนะ พลศรี หัวหน้าฝายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 3 เขื่อนระบายน้ำฝายวังยาง โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพัฒนาลุ่มน้ำชีตอนกลาง เปิดเผยว่า</h3> <h3><!--more--></h3> <h3>จากสถานการณ์ภัยแล้งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน กำลังส่งผลกระทบในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ เขื่อนอุบลรัตน์จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นหัวใจหลักที่ส่งน้ำหล่อเลี้ยงให้กับลำน้ำชี</h3> <h3>ต้องบริหารจัดการน้ำด้วยการส่งน้ำลงสู่ลำน้ำชี เพื่อช่วยเหลือประชาชนในการอุปโภคบริโภค การประปา และรักษาระบบนิเวศในช่วงหน้าแล้ง ให้ผ่านวิกฤตแล้งที่เกิดขึ้นไปจนกว่าจะเข้าสู่ฤดูฝนในปีต่อไป</h3> <h3>สำหรับลำน้ำชีเป็นเส้นเลือดใหญ่หล่อเลี้ยงประชาชนในภาคอีสานหลายจังหวัด เป็นแหล่งน้ำดิบที่ใช้ผลิตน้ำประปา สำหรับปีนี้ปริมาณน้ำลำชีค่อนข้างลดต่ำกว่าทุกปี คือระดับน้ำที่หน้าฝายวังยางต่ำกว่าระดับเก็บกักประมาณ 65 ซ.ม. และน้ำลดลงเฉลี่ยวันละ 2.3 ซ.ม.</h3> <img class=" wp-image-12603 aligncenter" src="https://katipnews.com/wp-content/uploads/2019/07/66862375_2390413674370249_8256341613081526272_n-400x300.jpg" alt="" width="527" height="395" /> <h3>แต่ที่น่าห่วงคือเกษตรกรมีการทำนาปรังไปแล้วกว่า 4 หมื่นไร่ ตลอดสองฝั่งลำชีในเขต 4 อำเภอของมหาสารคาม ที่ผ่านมาทางโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำชีกลาง ได้ออกประกาศแจ้งขอความร่วมมือไปยังเกษตรกรในพื้นที่ ให้งดการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง ประจำปี 2561/2562</h3> <h3>เนื่องจากสถานการณ์น้ำต้นทุนคือเขื่อนอุบลรัตน์ปล่อยน้ำลงมาวันละประมาณ 5 แสนลูกบาสก์เมตรเท่านั้น แต่หากเกษตรกรไม่ขยายพื้นที่ทำนาปรัง น้ำน่าจะพอใช้ไปจนถึงหน้าฝน</h3> <h3>ทั้งนี้รายงานข่าวจากมหาสารคามแจ้งว่า สถานการณ์ภัยแล้งที่เกิดทำให้ปริมาณน้ำในลำชีตั้งแต่ฝ่ายคุยเชือก มาจนถึงฝายวังยาง ระยะทางกว่า 100 ก.ม.ผ่าน 4 อำเภอของมหาสารคาม ประกอบด้วย อ.โกสุมพิสัย อ.เชียงยืน อ.กันทรวิชัย และอ.เมือง ปริมาณน้ำลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด</h3> <h3>และจากการที่มีการประกาศขอความร่วมมือจากทางราชการให้เกษตรกรใน 4 อำเภอดังกล่าว ให้ งดการปลูกพืชฤดูแล้ง โดยเฉพาะ ข้าวนาปรัง นั้น จากข้อมูลการทำนาปรังทุกปีที่ผ่านมา พบว่ามีเกษตรกรปลูกข้าวนาปรังปีละไม่ต่ำกว่า 1.7 แสนไร่ เมื่อมีการขอความร่วมมืองดปลูกในปีนี้ คาดว่าพื้นที่ๆไม่ได้ทำนาปรังจะหายไปกว่า 1.2 แสนไร่</h3> <img class=" wp-image-12604 aligncenter" src="https://katipnews.com/wp-content/uploads/2019/07/66677559_2390413714370245_771414708052819968_n-400x300.jpg" alt="" width="560" height="420" /> <h3>ขณะนี้มีเกษตรกรปลูกข้าวนาปรังอยู่ประมาณ 4 หมื่นไร่เศษ ทำให้ผลผลิตข้าวนาปรังหายไปกว่า 8.4 หมื่นตัน หากราคาข้าวนาปรังเฉลี่ยอยู่ที่ตันละ 5 พันบาท ปีนี้เกษตรกรเขตลุ่มน้ำชี สูญรายได้กว่า 400 ล้านบาท ในรอบการทำนาปรังปีนี้ และยังไม่รวมกับปลากระชังที่งดเลี้ยงในรุ่นต่อไป คาดว่าคงหลายล้านบาท</h3> <h3>ด้านนายณรงค์ เหล่าสุวรรณ ประธานหอการค้าจังหวัดมหาสารคาม ให้ความเห็นกรณีนี้ว่า เม็ดเงินที่หายไปไม่น่าจะมาก แต่อาจส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อในท้องถิ่นบ้าง สำหรับการทำนาปรังมีต้นทุนสูงกว่าการทำนาปี อาทิค่าปุ๋ย ค่าสูบน้ำ เป็นต้น</h3> <h3>คือการทำนาปรังมีกำไรน้อยมาก เม็ดเงินจากการทำนาปรังปีนี้ เมื่อเฉลี่ยหักต้นทุนออก ภาคธุรกิจที่จะได้อานิสงฆ์จากเม็ดเงินก้อนนี้จึงไม่มาก แต่ผลที่จะตามมาคือจะทำให้ราคาข้าวในปีต่อไปราคาสูงขึ้น เพราะภัยแล้ง และผลทางด้านจิตใจของเกษตรกร เพราะเคยทำนาปรังทุกปีแล้วไม่ได้ทำ ก็ขอให้เกษตรกรเข้าใจเหตุผลของทางราชการด้วย</h3> <h3>ข่าวจาก:<a href="https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_2288951">ข่าวสด</a></h3> <h3>ภาพประกอบจาก: <a href="https://web.facebook.com/mahasarakhamtoday/">เพจมหาสารคาม</a></h3>