<h3>หลังศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้น พิพากษาจำคุก นางสีนวล พาสังข์ อายุ 61 ปี ชาวบ้านซับหวาย ต.ห้วยแย้ อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ ซึ่งถูกอุทยานแห่งชาติไทรทอง ฟ้องข้อหาบุกรุกป่า เป็นเวลา 5 เดือน 10 วัน ให้ชดใช้ค่าเสียหายเป็นจำนวนเงิน 150,000 บาท พร้อมให้อออกจากที่ดินทำกิน</h3> <!--more--> <h3>โดย ไอลอว์ ได้เขียนเล่าเรื่องของ ยายสีนวล ซึ่งเป็นชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่มาก่อนจะมีประกาศอุทยานฯทับพื้นที่ ความว่า</h3> <h3>“ยายเกิดในพื้นที่อื่นแต่อยู่ลำบาก เลยตามผัวมาตั้งหลักปักฐานอยู่ที่บ้านซับหวาย ตั้งแต่ปี 2528 ตั้งแต่ยุคเปิดสัมปทานป่าไม้ จนได้ลูกสาวสองคน ลูกชายสองคน อยู่จนลูกโต คนหนึ่งก็เข้ากรุงเทพไปทำงานรับจ้าง ส่วนอีกสามคนยังอยู่ด้วยกัน ทำกินบนที่ดินอยู่ด้วยกัน“</h3> <h3>“ที่ดินตรงนี้ ปู่ย่าตายายก็แบ่งให้ ก่อนหน้านี้ก็เป็นป่าเห็ด ป่าหญ้า ไม่ได้มีต้นไม้ใหญ่ พี่น้องเครือญาติของผัวเป็นผู้ใช้ประโยชน์อยู่ ก็เลยเข้าไปอยู่กับเขาด้วย ตอนแรกๆ มีน้ำเยอะก็ปลูกปอ ตอนหลังมาปลูกข้าวโพดก็ตายเพราะแล้ง ก็เลยปลูกมันสำปะหลังอย่างเดียว เคยได้กิโลละบาท แล้วต่อมามีราคาสูงขึ้น ยายก็เก็บออมเอาไว้เลี้ยงลูกเลี้ยงเต้า ทำเอง ไม่ได้จ้างใคร ให้ลูกเรียนก็เรียนถึงมัธยม ไม่ได้เรียนในเมือง”</h3> <h3>“เมื่อก่อนป่าไม้เคยมาสำรวจแล้วก็บอกว่า “เฮ็ดไปโลด” ตามมติคณะรัฐมนตรีปี 2541 เขาสำรวจแล้วก็บอกว่า ให้เฮ็ดกินไปโลด ประมาณช่วงปี 2557-2558 ถูกขอคืนพื้นที่ พวกป่าไม้คนที่รู้จักกันก็มาบอกว่า ให้คืนเถอะจะเอาแค่ 2-3 ไร่ ไม่ได้จะเอาที่ทั้งหมด แล้วก็รังวัดที่ดินส่วนที่เหลือให้ทำกินต่อ ยายก็ดีใจ คิดว่า ยังมีที่อีกเยอะก็เลยเซ็นคืนให้สามไร่ ไม่ได้จะคืนหมด ถ้าคืนหมดก็ไม่เหลือที่จะทำกิน จะให้ไปทำขนมขายหรือทำอย่างอื่นก็ไม่เป็น”</h3> <h3>“แล้วเขาก็มาให้เซ็นอีก ยายก็เดินหนี ไม่รู้จะให้เซ็นอะไรอีก เขามากันสองสามคันรถ กันเยอะไปหมด ทั้งทหาร ทั้งป่าไม้ ทั้งคนใส่ชุดสีดำๆ เป็นกองกำลัง เขาบอกว่า “เซ็นโลดยายๆ” ต่อมาก็ให้ผู้ใหญ่บ้านประกาศกลายเป็นจะเอาคืน 27 ไร่ อ้าว! ทำไมเอาเยอะ ลูกก็มีหลายคนจะมีพอทำกินได้เหรอ? บอกเขาไปว่า ยายจะต้องทำกินเหมือนเดิม แต่ที่สามไร่ที่ยกให้ไม่ทำแล้ว ส่วนที่เหลือ 24 ไร่ ปลูกมันไปแล้วก็ต้องทำต่อ”</h3> <h3>“พอไปไถจะปลูกใหม่ เขาก็ไปจับยาย หาว่า “แผ้วถาง ก่นสร้าง” ยายก็ว่า จะมาหาว่า บุกรุกแผ้วถางได้ยังไง? ก็ทำมาตั้งหลายปีแล้ว เซ็นคืนที่ให้แล้วสามไร่ ก็ไม่ได้ทำแล้ว”</h3> <h3>“ยายไม่เคยรู้มาก่อน เขาว่าผิดกฎหมาย ยายก็ไม่รู้ว่า มันจะหนักหนา ยายก็ไม่รู้หนังสือเท่าไร เวลาไปศาล เขาก็บอกแต่ว่า ให้รับซะยาย ที่แค่นี้เอง ยายเห็นว่า สู้ก็ติดคุกไม่สู้ก็ติดคุกก็เลยสู้ให้เป็นกำลังใจกับคนอื่นด้วย ศาลก็พิพากษาออกมาว่า น้ำหนักพยานหลักฐานของยายไม่พอ ยายก็ไม่มีหลักฐานอะไรหรอกเพราะถ่ายรูปด้วยโทรศัพท์ไม่เป็น ถ้าถ่ายเป็นก็คงจะมีบ้าง อันนี้เราไปพูดแต่ปาก เขาก็ไม่เชื่อ”</h3> <h3>“จะเป็นยังไงก็ต้องเป็นเพราะไม่มีที่จะทำกินแล้ว ถ้าจะต้องติดคุกก็คงต้องติด คนติดก็ติดไป ส่วนคนที่จะต้องทำมาหากินก็ต้องทำไป ขอแค่ให้ลูกเต้ายังมีที่ให้ทำกินไปยันลูกหลานได้ ไม่ต้องเป็นภาระของสังคม ถ้าเขาไม่มีที่ทำกินแล้วเขาจะไปทำอะไร ก็กลายเป็นภาระของสังคมของประเทศอีก ก็จะยิ่งลำบากไปอีกในวันข้างหน้า”</h3> <h3>“ยายคิดว่า ถ้าติดคุกก็ติด ขอแค่ให้ลูกยังได้ทำกินอยู่ในที่นี้ต่อไป ไม่ต้องหนี เพราะเคยเห็นมีคนกลุ่มนึงถูกให้อพยพลงมา แล้วพอมาอยู่ในที่ของคนอื่นก็จะถูกฆ่า ทำไปทำมาก็ต้องหนีกลับขึ้นไปอยู่ที่เก่า แล้วนี่เห็นว่า จะให้พวกยายไปอยู่ที่อื่น ยายก็ไม่กล้าไปหรอก กลัวเขาจะฆ่า เขาจะไม่ให้เราทำ”</h3> <h3>“ศาลให้โทษ 5 เดือน 10 วัน กับปรับแสนห้า แล้วให้ออกจากที่ดิน ยายก็เถียงว่า ไม่ออกหรอก จะให้ติดคุกอีกกี่ทีก็ต้องติดเหมือนเดิม ก็มันไม่มีที่จะทำกิน”</h3> <h3>“พวกคนจนกลายเป็นโดนคดีร้ายแรง แต่คนรวยกลับไม่เดือดร้อน กลับยังทำกินต่อไปได้ แต่คนจนกลับทำไม่ได้ ไม่ใช่คนไทยด้วยกันเหรอ แผ่นดินก็แผ่นดินไทย ยายก็คิดในใจแบบนี้”</h3> <h3>“เมื่อก่อนยายเป็นคนใจโหด ไม่เคยกลัวใคร แต่พอมาเจอธรรมะ พระอาจารย์ไปอบรม ยายก็เชื่อว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง เขาให้ยายตั้งปณิธานว่า จะกินเจ ยายก็ตั้ง อยู่บ้านกินอาหารไม่ใส่หอม ไม่ใส่กระเทียม กินมาแล้วสิบปี ความโหดก็เลยลดลง แต่ความไม่มีที่ทำกินนี่สิ ไม่รู้จะทำยังไง”</h3> <h3>สีนวล พาสังข์ หรือ “ยายสีนวล” อายุ 60 ปี จำเลยผู้ถูกดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกเข้าไปยึดถือครอบครองทำประโยชน์ ก่นสร้าง แผ้วทาง ทำลายป่า ในพื้นที่บริเวณหมู่ที่ 7 ตำบลห้วยแย้ อำเภอหนองบัวระเหว จังหวัดชัยภูมิ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ประกาศให้เป็นเขตอุทยานแห่งชาติไทรทอง คิดเป็นเนื้อที่ 6 ไร่ 4 ตารางวา โดยใช้เครื่องจักรไม่ทราบชนิด มีด จอบ ถากถางต้นหญ้าวัชพืชเพื่อเตรียมปลูกมันสำปะหลัง อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 มาตรา 54 55 72 ตรี, พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ 2507 มาตรา 4 5 6 9 14 26/4 26/5, พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ 2504 มาตรา 4 5 6 8 16 (1) (2) (4) (13) 24 27</h3> <h3>ในทางต่อสู้คดี จำเลยให้การปฏิเสธ ต่อสู้ว่า มีการประกาศเขตอุทยานทับที่ดินทำกินของจำเลยซึ่งทำกินและอยู่อาศัยมาก่อนการประกาศเป็นเขตอนุรักษ์ จำเลยจึงมีความชอบธรรมตามมติคณะรัฐมนตรี ปี 2541 ที่ให้หน่วยงานผู้รับผิดชอบสำรวจการครอบครองเพื่อกำหนดขอบเขตให้ชัดเจน</h3> <h3>เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2561 ศาลจังหวัดชัยภูมิพิพากษาให้จำเลยมีความผิด ให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ มาตรา 14, 31 ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีโทษหนักสุด ให้จำคุก 8 เดือน ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์ ลดโทษให้เหลือ 5 เดือน 10 วัน ให้จำเลยและบริวารรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่ป่าสงวน และให้ชดใช้ค่าเสียหายแก่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช 150,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี จนกว่าจะชำระครบ จำเลยยื่นขอประกันตัวและยื่นอุทธรณ์</h3> <h3>โดยศาลอุทธรณ์นัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 4 มิถุนายน 2562 ซึ่งในชั้นนี้ หากศาลพิพากษาให้จำคุกอีกสีนวลอาจต้องถูกควบคุมตัวเข้าเรือนจำทันที และสีนวลจะยื่นขออนุญาตฎีกาในชั้นที่สามได้หรือไม่ ยังต้องขึ้นอยู่กับศาลฎีกาต่อไป</h3> <h3>สีนวล เป็นหนึ่งในประชาชนหลายพันคน ที่ถูกจับกุมและดำเนินคดีตามนโนบาย “ทวงคืนผืนป่า”ของรัฐบาล คสช. ตามคำสั่ง คสช. ที่ 64/2557 สำหรับบริเวณพื้นที่อุทยานแห่งชาติไทรทอง จ.ชัยภูมิ มีประชาชนถูกจับกุมและดำเนินคดีรวมอย่างน้อย 19 คดี ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยต้องมีโทษจำคุกทุกคดี ในเดือนมีนาคมและกรกฎาคม 2562 หลายคดีมีนัดฟังคำพิพากษาจากศาลอุทธรณ์</h3> <h3>ขอบคุณภาพจาก <a href="https://www.facebook.com/iLawClub/photos/a.10150540436460551/10162007750260551/?type=3&theater"> ไอลอว์</a> และเฟซบุ๊ก สุรชา บุญเปี่ยม , <a href="https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_2581516">ข่าวสด</a></h3> <h3></h3>