เปิดใจ 2 แม่ลูกมรดกพันล้าน! กว่าจะยิ้มได้ต้องร้องไห้มาหลายครั้ง บอกจากนี้จะขอใช้ชีวิตสมถะ พอเพียง และยังคงทำงานต่อเหมือนเดิม
หลังจาก ทีมข่าวไทยรัฐ ได้นำเสนอข่าว นางประคอง กิบสัน อายุ 57 ปี ชาวสุพรรณบุรี และ นางสาวเอริกา จัสมิน บอลด์วิน กิบสัน อายุ 22 ปี ลูกสาว ที่ชีวิตพลิก ผันกลายเป็นมหาเศรษฐีพันล้าน หลังจาก นายเคนดริก บอลด์วิน กิบสัน สามีชาวอเมริกันของนางประคอง ได้เสียชีวิตลงด้วยโรคมะเร็ง ซึ่งย่าได้ทิ้งมรดกหุ้นบ่อน้ำมัน ในรัฐแคลิฟอร์เนียเอาไว้ให้ จนกลายเป็นเศรษฐีในพริบตานั้น
นางประคอง ได้เปิดใจในรายการไทยรัฐนิวส์โชว์ว่า แต่เดินแม่เป็นคน อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี จากนั้นก็ย้ายมาอยู่กับป้าที่กรุงเทพฯ และมาเรียนทำผม ซึ่งมา เจอกับสามีที่ร้านทำผมย่านสุทธิสาร
ทั้งนี้ สามีเขามาจีบเราก่อน ซึ่งเราก็ไม่ได้คิดอะไรมาก และเขาก็มาขอแต่งงาน เราก็เลยโอเค จากนั้นเขาก็พาเราไปจดทะเบียนก่อนบินกลับไปสหรัฐฯ จากนั้นไม่นาน เขาก็มารับเราไปสหรัฐฯ ตอนแต่งกัน เราก็ไม่ได้รู้อะไรมากเรื่องทรัพย์สินเงินทองของเขา คือ เราไม่จุกจิกเรื่องนี้
เมื่อไปถึงสหรัฐฯ ก็รู้แค่ว่ามีบ้าน ส่วนเรื่องสมบัติอื่นๆ เราไม่ยุ่งเลย เพราะที่สหรัฐฯ เขาต่างกันคนต่างอยู่ และจะไม่ยุ่งกันเรื่องนี้ จากนั้นสามีก็เสีย ปี 2543 เพราะโรคมะเร็งตับ ซึ่งตอนนั้นเราก็เริ่มลำบาก เพราะหมดเงินรักษาเขาไปกว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จำได้ว่าเงินจะจัดการงานศพก็แทบจะไม่มี เพราะเราหมดเงินรักษาไปค่อนข้างมาก
จากนั้นทางย่าเขารู้เรื่องก็ส่งเงินก้อนหนึ่งมาให้จัดงาน จากนั้นเราก็ตัดสินใจไม่พึ่งเขา เพราะเราต้องยืนด้วยขาของตัวเอง ก่อนจะได้เงินช่วยจากรัฐ และเงิน ภาษีที่ขอคืนนั้น เราก็ต้องขอข้าวโบสถ์ประทังชีวิตไปก่อน แม้จะมีบ้านอยู่ก็ตามแต่เราไม่มีเงินจริงๆ พอเริ่มมีเงินจึงทำธุรกิจเล็กๆ เป็นร้านอาหารไทยที่โน้น
สำหรับเรื่องการเป็นแม่บุญธรรมนั้น ก็ไม่ได้อะไร เพียงแค่ทุกคนรักเราเหมือนแม่ ซึ่งใครๆ ถามก็บอกว่าแม่ เราก็ดีใจที่เขารักเราเหมือนแม่ ซึ่งที่สหรัฐฯ เราก็เป็น แม่บุญธรรมให้กับคนที่โน้น 20 คน ส่วนดาราไทยก็มี ลูกหมี รัศมี และ แมงปอ ชลธิชา
นางประคอง กล่าวอีกว่า การกลับเมืองไทยครั้งนี้ ตั้งใจจะทำธุรกิจน้ำดื่มที่กาญจนบุรี เดิมทีที่ดินตรงนั้นเป็นของแม่ตน และก็ได้ซื้อเพิ่มไว้ 2 แปลง ซึ่งเรา ก็เจาะน้ำบาดาลขึ้นมา แต่คนรู้จักบอกว่า ทำไม น้ำมันใสผิดปกติ ก็เลยแนะนำให้เอาไปตรวจก็พบว่าเป็นน้ำแร่ ก็เลยคิดจะทำโรงน้ำ และยังคงใช้ชีวิตเหมือนเดิม
นางสาวเอริกา จัสมิน กล่าวว่า ตอนที่เราได้รับมรดก ก็คิดว่าคุณย่า กับคุณพ่อยังคิดถึงเรา ซึ่งก็ไม่ได้ตื่นเต้นมาก แม้ตอนนั้นจะลำบากแต่เราก็คิดว่าไม่ได้ลำบากอะไรมาก เพราะเราก็อยู่ได้ และยังสนุกกับงานที่ทำ แม้จะต้องออกจากโรงเรียนหลังจากจบไฮสคูล จึงไม่ได้เรียนต่อเพราะต้องมาช่วยแม่ เพราะแม่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้มาก
“ตอนหนู 15 ปี มีจดหมายเข้ามาคุณย่าเสีย ก็ได้มรดกมา ก็คิดว่าคุณพ่อ และคุณย่า ยังคิดถึงเรา ซึ่งที่ได้รับมาค่อนข้างมาก แม้เราจะได้เงินมา เราก็ยังทำงานอยู่เหมือนเดิม ใช้ชีวิตตามปกติ เราโอเคกับชีวิตแบบนี้ ยังเหมือนเดิม ญาติไม่ได้เยอะขึ้น”
สำหรับมรดกที่ได้รับคือ หุ้น และพันธบัตรในตลาดหลักทรัพย์ จำนวน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และจำนวนเปอร์เซ็นต์ของธุรกิจน้ำมันที่ครอบครัวเป็นผู้ถือครอง ร้อยละ 16.3 คิดเป็นเงิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี
“ตอนนี้เรียนปีที่ 3 แต่ตอนนี้หยุดเรียนก่อน เพราะต้องมาทำธุรกิจกับแม่ที่เมืองไทย แม้จะมีเงินก็ยังคงใช้ชีวิตเหมือนเดิม และทำงานเหมือนเดิม”
ที่มา: ไทยรัฐ