คณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 2 ให้ผู้มีรายได้น้อยที่ร่วมโครงการ ได้รับวงเงินบัตรคนจนเพิ่มเป็น 300 บาท และ 500 บาท เริ่มมีผลเดือนมีนาคม 2561
วันอังคารที่ 9 มกราคม 2561 นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติเพิ่มวงเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ บัตรคนจน สำหรับค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าอุปโภค-บริโภค ให้กับผู้ที่มีรายได้ไม่ถึง 30,000 บาท/ปี จากเดิมได้เดือนละ 300 บาท ปรับเป็น 500 บาท และผู้ที่มีรายได้ตั้งแต่ 30,000 บาทขึ้นไป แต่ไม่เกิน 1 แสนบาท/ปี จากเดิมได้เดือนละ 200 บาท เพิ่มเป็น 300 บาท โดยมีเงื่อนไข คือ ต้องเป็นผู้มีรายได้น้อยที่เข้าร่วมมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 2 ซึ่งโครงการจะเริ่มมีผลในเดือนมีนาคม-ธันวาคม 2561 คาดว่าจะทำให้ผู้มีรายได้น้อยได้รับประโยชน์ประมาณ 4.7 ล้านราย
โดยที่ประชุม ครม. ได้เห็นชอบหลักการของมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 2 และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการแต่ละโครงการ พร้อมทั้งเห็นชอบให้ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ดำเนินมาตรการพัฒนาผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รวม 6 มาตรการ 18 โครงการ และให้โครงการดังกล่าวเป็นโครงการธุรกรรมนโยบายรัฐ (Public Service Account:PSA)
สำหรับงบประมาณที่ ครม. ในการดำเนินโครงการรวมทั้งสิ้น 35,679 ล้านบาท แบ่งเป็น งบประมาณสำหรับโครงการเพื่อรองรับมาตรการการพัฒนาคุณภาพชีวิตฯ ไม่เกิน 6,774 ล้านบาท งบประมาณสำหรับธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. ไม่เกิน 12,033 ล้านบาท และเป็นงบประมาณสำหรับค่าซื้อสินค้าอุปโภค-บริโภคที่จำเป็น สินค้าเพื่อการศึกษา และวัตถุดิบเพื่อเกษตรกรรมจากร้านธงฟ้าประชารัฐ และร้านอื่น ๆ ที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด วงเงินไม่เกิน 13,872 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นงบประมาณค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ
นายณัฐพร กล่าวอีกว่า กระทรวงคลังจะส่งข้อมูลผู้ที่มีบัตรสวัสดิการให้กับคณะกรรมการประจำจังหวัดภายในเดือนมกราคมนี้ จากนั้นผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ประสงค์เข้าร่วมโครงการพัฒนาตนเอง จะต้องมาพบกับเจ้าหน้าที่ ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2561 แต่หากไม่มาทางเจ้าหน้าที่จะลงพื้นที่ไปพบเป็นรายตัวในเดือนเมษายน 2561
ภาพจาก Thai PBS
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
, สำนักข่าว INN
เอาตรงๆนะตอนแรกมันก็ดีนะกับการบัตรประชารัฐ ประหยัดรายใช้จ่าย กับคนมีรายได้น้อย แต่คนมีฐานะปานกลางไม่เดือดร้อนก็ยังได้ ทั้งที่เงินเต็มกระเป๋า / บัตรนี้ใช้กับ ห้างสรรพสินค้าที่ร่วมโครงการ จากที่รายได้ของห้างกลางๆ แต่กลับพุ่งขึ้นจากเดิม 3-4เท่า แต่ร้านค้าทั่วไปเริ่มมีผลกระทบจากการมีบัตรประชารัฐ คือ รายรับหายไปเยอะมาก มีแต่รายจ่ายที่ไม่มีทุนจากการขายก็ซื้อเท่าจำเป็น เพราะสินค้ามันไม่ได้ขายเลย เงียบมากๆๆ ร้านค้าทั่วไปเริ่มเดือดร้อนแล้ว กับการมีบัตรประชารัฐ ห้างสรรพสินค้าได้ประโยชน์มากกว่า ร้านค้าทั่วไป แย่จริงๆๆ