หลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จากพรรคพลังประชารัฐ ได้รับการโหวตให้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ด้วยคะแนน 500 เสียง มากกว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จากพรรคอนาคตใหม่ ที่ได้ 244 เสียง ทำให้ได้เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ของประเทศไทย
อย่างไรก็ตามหลังมีความชัดเจนแล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้เป็นนายกรัฐมนตรี โลกออนไลน์ได้ทวงถามนโยบายที่พรรคพลังประชารัฐ ได้เสนอไว้ก่อนการเลือกตั้ง ตัวอย่างเช่น นโยบายมารดาประชารัฐ ที่เป็นนโยบายดูแลแม่ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์
โดยมีรายละเอียดดังนี้ เริ่มจากจะดูแลตั้งแต่คุณแม่ฝากครรภ์ เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายเดือนละ 3,000 บาท เป็นเวลา 9 เดือน รวมสูงสุด 27,000 บาท ,ค่าคลอดจำนวน 10,000 บาท หลังจากนั้นจะช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูเด็กอีกเดือนละ 2,000 บาท ตั้งแต่เกิดจนมีอายุครบ 6 ปี เป็นจำนวนเงินรวมสูงสุด 144,000 บาท รวมตั้งแต่ตั้งครรภ์จนเติบโตอายุถึง 6 ขวบ จะเป็นเงิน 181,000 บาทต่อเด็ก 1 คน
ทั้งนี้ นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ระบุว่า “วันนี้ผมในนามหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ขอประกาศว่า พวกเราเดินหน้าทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน เพื่อประเทศชาติ ทันที ไม่รอว่าจะเป็นรัฐบาลหรือไม่ เพราะตำแหน่งทางการเมืองก็แค่หัวโขน เนื้อแท้จริงๆของพวกเราที่ได้รับความไว้วางใจจากเสียงของประชาชนมา คือต้องรับใช้ประชาชน ยึดมั่นในภาระหน้าที่ ตามสัญญาที่ให้ไว้”
“ตอนนี้ทีมงานของพรรคพลังประชารัฐ ได้ตั้งวงหารือวางแผนการดำเนินงาน เพื่อเดินหน้านโยบายที่ได้หาเสียงไว้ โดยเบื้องต้นสรุปกันว่า นโยบายต่างๆมีหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และก็ต่างมีส่วนได้ส่วนเสียร่วมกันอยู่หลายกลุ่ม ทางทีมงานจึงเตรียมที่จะเข้าไปพูดคุยเก็บข้อมูลจากทุกภาคส่วน มาประมวลและจัดทำเป็นแผนอย่างเป็นระบบ”
“สิ่งที่ดำเนินการขณะนี้ เป็นการเตรียมความพร้อม เมื่อรัฐบาลใหม่มาบริหารประเทศ ก็จะได้รับการผลักดันทันทีไม่ว่าจะเป็นบทบาทไหนก็ตาม เพราะเวลานี้พวกเราช้าไม่ได้ ประเทศต้องการความเปลี่ยนแปลงในแนวทางที่ดีขึ้นอย่างเร่งด่วน”
สำหรับนโยบาย ที่จะได้รับการวิจัยประมวลแนวทางการดำเนินงานก่อน ประกอบด้วย 7 นโยบายที่จะ “ทำทันที”
บัตรประชารัฐ “เพิ่มคน เพิ่มสิทธิ เพิ่มทักษะ เพิ่มโอกาส”
2. บ้านล้านหลัง “ผ่อนถูกกว่าเช่า ฟรีเงินดาวน์”
3. พักหนี้กองทุนหมู่บ้าน 3 ปี “พักหนี้ ฟื้นฟู เติมทุน ให้โอกาส”
4. ดูแลราคาสินค้าเกษตร (ข้าว อ้อย ยาง มัน ปาล์ม)
5. เสริมแกร่ง SMEs ไทย “คนตัวเล็ก ล้มแล้วลุก”
6. สปก 4.0 “ใช้ประโยชน์ โอนสิทธิ เพิ่มมูลค่า”
และ7. มารดาประชารัฐ “ดูแลตั้งแต่ในครรภ์”
อย่างไรก็ตาม นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผอ.โรงพยาบาลจะนะ จ.สงขลา ซึ่งอีกบทบาทหนึ่งนั้นเป็นนักเคลื่อนด้านสิ่งแวดล้อม และพลังงาน เคยโพสต์วิพากษ์วิจารณ์นโยบายมารดา ประชารัฐ ของพรรคพลังประชารัฐ ความว่า นโยบาย “มารดาประชารัฐ” โดนใจผมมาก มากจนอดที่จะวิพากษ์ไม่ได้
การแข่งกันด้วยนโยบายเป็นสิ่งที่ดี ทำให้เห็นวิสัยทัศน์และแนวคิดของพรรคนั้นๆ พรรคพลังประชารัฐเสนอนโยบาย “มารดาประชารัฐ” ฟังหลักการเหมือนดูดี ดูแลเด็กทุกคนตั้งแต่ในครรภ์มารดาจนอายุ 6 ปี ให้เงินค่าดูแลรวม 6 ปีคนละ 181,000 บาท
ผมค้นข้อมูล พบว่าปี 2561 ข้อมูล สธ.ระบุว่ามีเด็กเกิด 702,775 คน คิดง่ายๆว่าปัจจุบันมีเด็กเกิดใหม่ปีละ 7 แสนคน นโยบายนี้จ่ายค่าดูแลเด็กที่เกิดมารวมคนละ 181,000 บาท ดังนั้นเมื่อคูณเลขตามจำนวนเด็กเกิดทุกปี ในแต่ละปีจะผูกพันงบปีละถึง 126,000 ล้านบาท คูณเลขออกมาแล้วมันน่าตกใจครับ พรรคพลังประชารัฐลองคูณเลขดูกันบ้างก่อนปล่อยนโยบายนี้หรือเปล่าผมไม่แน่ใจ
เงินแสนสองหมื่นล้านบาทไม่ใช่น้อยนะครับ งบหลักประกันสุขภาพที่ดูแลความเจ็บป่วยคนไทย 47 ล้านคน ที่นายกตู่บ่นนักบ่นหนาว่าเป็นภาระ ใช้เงินปีละ 180,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าคุ้มมาก แต่ก็เห็นอคติบ่นตลอดเมื่อมีโอกาส
ที่สำคัญนโยบายประชานิยมเช่นนี้ แม้จะยุบสภาไปแล้วแต่ภาระการดูแลยังจะตามหลอกหลอนงบรัฐตามพันธะสัญญาที่รัฐให้ไว้ไปถึงอีก 6 ปี
นโยบายหายนะเช่นนี้ไม่ใช่นโยบายรัฐสวัสดิการ แต่คือการผลาญภาษีรัฐ เอาภาษีรัฐมาซื้อเสียงครับ