มว.สาธารณสุข เปิดเผยถึงกรณี การบังคับใช้ พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบฉบับใหม่ ที่มีผลบังคับใช้ในวันนี้(4 ก.ค.) เพื่อคุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ ป้องกันเยาวชนจากการติดบุหรี่และควบคุมกลยุทธ์การตลาดธุรกิจบุหรี่
นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข ว่า ปัญหาการบริโภคยาสูบเป็นปัญหาที่สำคัญของประเทศ เพราะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนที่ทำให้ป่วยและเสียชีวิตก่อนวัยอันควร เนื่องจากคนไทยเสียชีวิตจากการสูบบุหรี่สูงถึงปีละ 5 หมื่นคน นอกจากนี้กลยุทธ์การตลาดบุหรี่ยังทำให้นักสูบหน้าใหม่ในเยาวชนเพิ่มจำนวนมากขึ้น และมีโอกาสที่จะเป็นผู้เสพติดไปตลอดชีวิต รัฐบาลต้องสูญเสียงบประมาณไปกับการรักษาผู้ป่วย ซึ่งคิดเป็นมูลค่าความสูญเสียจากการสูบบุหรี่สูงถึง 74,884 บาท
ด้าน นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สำหรับ พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ.2560 มีมาตรการสำคัญที่ประชาชนต้องรับทราบเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายที่ถูกต้องดังนี้
1.กำหนดห้ามขายหรือผลิตภัณฑ์ยาสูบได้แก่ บุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี
2.ห้ามให้บุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี เป็นผู้ขายผลิตภัณฑ์ยาสูบ
3.ห้ามขายผลิตภัณฑ์ยาสูบใน 4 กลุ่มสถานที่ ได้แก่ วัดหรือสถานที่ปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนา สถานพยาบาลและร้านขายยา สถานศึกษาทุกระดับ สวนสาธารณะ สวนสัตว์ และสวนสนุก
4.กำหนดห้ามโฆษณาสื่อสารการตลาด ผลิตภัณฑ์ยาสูบในทุกรูปแบบ อาทิ พริตตี้ส่งเสริมการขายในงานคอนเสิร์ต
5.ห้ามผู้ประกอบการธุรกิจผลิตภัณฑ์ยาสูบทำกิจกรรม CSR อุปถัมป์สนับสนุนบุคคล หรือ องค์กร ที่เป็นการสร้างภาพลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ยาสูบ
6.ห้ามตั้งวางโชว์ผลิตภัณฑ์ยาสูบหรือซองบุหรี่ ณ จุดขายปลีกที่ทำให้ผู้บริโภคหรือประชาชนมองเห็น
7.ห้ามแบ่งขายบุหรี่รายมวน
8.เพิ่มโทษผู้ฝ่าฝืนสูบบุหรี่ในเขตปลอดบุหรี่เป็นปรับไม่เกิน 5,000 บาท
9.กำหนดหน้าที่ให้เจ้าของสถานที่สาธารณะที่เป็นเขตปลอดบุหรี่ มีหน้าที่ต้องประชาสัมพันธ์ แจ้งเตือน ดูแลไม่ให้มีการฝ่าฝืนสูบบุหรี่ในเขตปลอดบุหรี่ หากฝ่าฝืนไม่ดำเนินการ เจ้าของสถานที่มีโทษปรับไม่เกิน 3,000 บาท