กอร.พระราชพิธีฯ กำหนดเส้นทางประชาชนเดินเท้าเข้าพื้นที่สนามหลวง 5 จุด จัดที่จอดรถส่วนตัว 13 แห่ง รถบัส 7 แห่ง เริ่มเปิดเข้าพื้นที่ตี 5 ของวันที่ 25 ต.ค. มาก่อนเข้าก่อน หากออกถือว่าสละสิทธิ์ คาด 4 หมื่นคนเห็นริ้วขบวนในพระราชพิธี ห้ามสื่อเฟซบุ๊กไลฟ์ใช้ภาพสดจากโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 9 ต.ค. ที่กระทรวงกลาโหม พล.ท.สรรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ พร้อมด้วย พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา รองผบ.ตร. พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสนเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และนายนิสิต จันทร์สมวงศ์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย แถลงภายหลังการประชุมกองอำนวยการร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (กอร.พระราชพิธีฯ)
พล.ท.สรรเสริญ กล่าวว่า การเตรียมการของคณะกรรมการทุกฝ่ายมีความพร้อมสมบูรณ์ 98-99 เปอร์เซ็นต์ เหลืองเพียง 1-2 เปอร์เซ็นต์ คือบางจุดที่ยังไม่สามารถติดตั้งอุปกรณ์บางอย่างได้ เพราะยังมีระยะเวลาเหลือประมาณ 2 สัปดาห์ ดังนั้นการติดตั้งอุปกรณ์บางส่วนก่อนอาจทำให้สีหรือความสวยงามลดลงได้ ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรมว.กลาโหม ได้สรุปสาระสำคัญ 6 ประเด็นคือ 1.ความพร้อมของเจ้าหน้าที่ในการเข้าปฏิบัติงาน ซึ่งจากผลการดำเนินการซักซ้อมริ้วขบวนในวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา ถือว่ามีความพร้อมสมบูรณ์ ซึ่งจะซักซ้อมริ้วขบวนอีกครั้งในวันที่ 15 ต.ค. การซ้อมใหญ่ในวันที่ 21 ต.ค. และวันงานพระราชพิธีจริงในวันที่ 26 ต.ค.
โดยขอให้ทุกคนช่วยกันรักษาระดับความพร้อมไว้จนถึงวันงานพระราชพิธีฯ 2.สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนดูแลรักษาความปลอดภัย โดยทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารกำหนดจุดเส้นทางต่างๆ ทั้งเส้นทางริ้วขบวน เส้นทางของประชาชนและเส้นทางขบวนเสด็จที่ต้องกำหนดจุดให้ชัดเจน 3.ข้อควรปฏิบัติของประชาชนและข้อแนะนำทั้งประชาชนและสื่อมวลชน ให้กรมประชาสัมพันธ์ประสานงานกับทุกภาคส่วนสร้างความรับรู้และความเข้าใจให้กับประชาชน โดยเฉพาะการเชิญชวนประชาชนเข้าร่วมพิธีถวายดอกไม้จันทน์ตามพื้นที่ที่ตนเองอยู่ ซึ่งบรรยากาศในพื้นที่ต่างจังหวัดและกทม.จะเหมือนกัน หากใครจะเดินทางเข้ามาในกทม.ต้องรับทราบข้อมูลการเตรียมตัวในเรื่องการเดินทางและจุดจอดรถ
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า 4.ในวันที่ 13 ต.ค. ให้ทุกส่วนราชการเตรียมความพร้อมจัดกิจกรรม เพราะเป็นวันคล้ายวันสวรรคต 5.ระบบการติดต่อสื่อสารทั้งในวันที่ 15 ต.ค. 21 ต.ค. และวันที่ 26 ต.ค.นั้น จะมีหน่วยงานที่เข้ามาปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ท้องสนามหลวงและม.ธรรมศาสตร์ ขอให้ทุกหน่วยช่วยตรวจสอบระบบการสื่อสารเพื่อให้บูรณาการการทำงานร่วมกัน มีความต่อเนื่องและสอดคล้องไม่เกิดอุปสรรค พร้อมทั้งต้องเตรียมแผนสำรองกรณีฉุกเฉินด้วย และ 6.ให้ทุกฝ่ายตั้งใจปฏิบัติภารกิจเพื่อถวายในหลวงร.9 และร.10 อย่างเต็มกำลังความสามารถ
พล.ท.สรรเสริญ กล่าวว่า มีพื้นที่ทั้งหมด 150,000 ตาราเมตร สามารถบรรจุคนได้กว่า 200,000 คน โดยจะมีประชาชนเพียง 40,000 คน ที่อยู่ในพื้นที่รอบในได้เห็นริ้วขบวนเพียงเล็กน้อย แบ่งเป็น พื้นที่ทางเท้าฝั่งตรงข้ามพระบรมมหาราชวัง ด้านถ.มหาราช ตั้งแต่แยกท่าช้างถึงท่าเตียนจุคนได้ประมาณ 6,500 คน พื้นที่ทางเท้าบริเวณถ.มหาราช ตั้งแต่แยกท่าเตียนถึงสามแยกวัดเชตุพนฯ ประมาณ 2,500 คน พื้นที่ทางเท้าถ.ราชดำเนินในฝั่งศาลฎีกาตั้งแต่แยกหลักเมือง ถึงแยกสะพานผ่านพิภพ จุคนได้ประมาณ 15,500 คน พื้นที่ทางเท้าถ.หน้าพระธาตุตั้งแต่แยกพระจันทร์ถึงหน้าโรงละครแห่งชาติประมาณ 6,000 คน ส่วนประชาชนที่เหลือได้ชมเพียงบรรยากาศรอบนอก
“ในเวลา 04.00 น. วันที่ 24 ต.ค.นี้ จะมีการเคลียร์ให้ประชาชนออกจากพื้นที่ เป็นการรักษาความปลอดภัยตามหลักสากล ส่วนวันที่ 25 ต.ค. เวลา 05.00 น.จะเปิดให้คนเข้ามาในพื้นที่ ใครมาก่อนก็ให้เข้าก่อน และสามารถนั่งกับพื้นประจำจุดได้ถึงวันที่ 26 ต.ค. และจะไม่ให้กางเต็นท์ ปูเสื่อนอน หากใครออกก่อนก็จะเสียสิทธิ์ ดังนั้น ขอให้ประชาชนเตรียมตัวให้พร้อม ทั้งอาหาร เครื่องดื่ม ยาดม ยาหม่อง ทั้งนี้มีเจ้าหน้าที่แจ้งข้อมูลว่ามีประชาชนเข้ามาเท่าใดแล้ว และสามารถเติมประชาชนเข้าไปได้อีกเท่าไหร่ เพื่อประชาชนที่เฝ้าดูประมาณการณ์ว่าจะเดินทางมาหรือไปที่พระเมรุมาศจำลองที่เตรียมไว้” พล.ท.สรรเสริญ กล่าว
อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ กล่าวต่อว่า สำหรับข้อสงสัยกรณีที่สื่อสามารถถ่ายทอดริ้วขบวนพิธีทางเฟซบุ๊กไลฟ์ได้หรือไม่นั้น ถ้าเป็นประชาชนที่เฝ้ารับเสด็จฯสามารถทำได้ รวมถึงถ่ายภาพนิ่งหรือถ่ายภาพเคลื่อนไหวได้ แต่ประชาชนก็คงทำได้ลำบาก เพราะบางพื้นที่มีการตัดสัญญาณโทรศัพท์เพื่อความปลอดภัย แต่ถ้าเป็นสื่อมวลชนที่อยู่บนอัฒจันทร์ ไม่สามารถเฟซบุ๊กไลฟ์ได้ โดยทำได้แค่ถ่ายภาพนิ่ง และถ่ายภาพเคลื่อนไหวอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่แจ้งไว้
ถ้าต้องการภาพปัจจุบันที่เป็นเหตุการณ์สดสามารถทำได้วิธีเดียวคือการเกี่ยวสัญญาณของโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจเท่านั้น กรณีที่มีประชาชนเฟซบุ๊กไลฟ์แล้วสำนักข่าวต่างๆ ไปแชร์เฟซบุ๊กไลฟ์นั้นก็ทำไม่ได้เช่นกัน เพราะการที่ต้องถ่ายทอดสดผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ เนื่องจากไม่ต้องการให้ต่างคนต่างถ่าย ซึ่งจะควบคุมคุณภาพไม่ได้
ทั้งนี้จะไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนที่ไปทำหน้าที่อยู่นอกอัฒจันทร์ โดยสื่อมวลชนจะอยู่ได้แค่ 2 แห่งคืออัฒจันทร์ และศูนย์ประชุมม.ธรรมศาสตร์ ทั้งวันซักซ้อมวันที่ 15 ต.ค. ซ้อมใหญ่เสมือนจริงวันที่ 21 ต.ค. รวมถึงวันที่ 25-30 ต.ค. สื่อมวลชนต้องอยู่บนอัฒจันทร์ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้ได้ปิดพื้นที่เพื่อทำความสะอาดและปรับปรุงภูมิทัศน์โดยรอบ ส่วนจะเปิดให้ประชาชนเข้ามาซึมซับบรรยากาศก่อนวันจริงได้หรือไม่นั้น ทางกอร.พระราชพิธีฯ จะมีการหารือกันอีกครั้ง
ด้าน พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ดูแลด้านการจราจร) กล่าวชี้แจงถึงเส้นทางทางที่ประชาชนสามารถเดินทางมาเข้าร่วมในพระราชพิธีฯ ว่า บริเวณโดยรอบพระราชพิธีฯ จะปิดการจราจร ตั้งแต่วันที่ 25 ต.ค. เวลา 05.00 น. ตั้งแต่ถนนราชดำเนินนอก ราชดำเนินกลาง และถนนราชดำเนินใน โดยทิศเหนือ จะปิดการจราจรตั้งแต่แยกลานพระราชวังดุสิต ทิศใต้ตั้งแต่แยกปากคลองตลาด หน้าสถานีตำรวจนครบาลพระราชวัง ทิศตะวันออกตั้งแต่แยกสะพานขาว ถนนหลานหลวง และทิศตะวันตกตั้งแต่แยะอรุณอมรินทร์ ถนนบรมราชชนนี บริเวณทั้งหมดนี้จะไม่อนุญาตให้ประชาชนนำรถเข้ามา ยกเว้นขบวนเสด็จ ขบวนอาคันตุกะ ขบวนเจ้าหน้าที่เส้นทางฉุกเฉิน
พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวต่อว่า ประชาชนสามารถเดินเท้าเข้ามาในพื้นที่ได้ 3 ช่องทาง 1.ประชาชนที่เดินทางมาโดยรถยนต์ส่วนตัว สามารถนำไปจอดในพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่ได้จัดเตรียมไว้ให้ 13 แห่ง รอบกรุงเทพมหานคร ทิศเหนือ ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต, เมืองทองธานี, ศูนย์ราชการ ถ.แจ้งวัฒนะ, สนามธูปเตมีย์, สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดี
ทิศใต้ เซ็นทรัล ศาลายา, เซ็นทรัล พระราม 2, ทิศตะวันออก เมกาบางนา, ไบเทค บางนา และอิเกียร์ บางนา และทิศตะวันตก เซ็นทรัล เวสเกต บางบัวทอง ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถรองรับรถยนต์กว่า 3 หมื่นคัน และจะมีรถชัทเติลบัสของขสมก. มารอรับที่จุดดังกล่าว นำเข้าไปในพื้นที่ ที่ปิดการจราจรที่กำหนดไว้ทั้ง 5 จุด 1.สนามม้านางเลิ้ง 2.บ้านมนังศิลา 3.สน.พระราชวัง 4.แยกอรุณอัมรินทร์ และ 5.แยกวิสุทธิกษัตริย์ จากนั้นประชาชนจะต้องเดินเท้าเข้ามาในพื้นที่พระราชพิธีฯ
รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า สำหรับประชาชนที่เดินทางมาเป็นหมู่คณะด้วยรถตู้ หรือรถบัส สามารถนำประชาชนมาส่งได้ที่ 5 จุดพื้นที่ที่ปิดการจราจรได้เช่นกัน และ นำรถของท่านไปจอดย่านฝั่งธนบุรี ซึ่งเราได้จัดพื้นที่จอดรถไว้ 7 แห่ง ประกอบด้วย พุทธมณฑล สาย 1-สาย 4, ถนนกาญจนาภิเษก, ถนนแยกไฟฉาย ตัดกาญจนาภิเษก สามารถรองรับรถบัสได้ 3,400 คน
พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวว่า เส้นทางที่ 2 ประชาชนที่เดินทางมาโดยรถไฟ ทางทิศเหนือ สถานีรถไฟอยุธยา, ทิศตะวันออก สถานีรถไฟฉะเชิงเทรา โดยจะมาลงที่สถานี ยมราช ก่อนเดินเท้าเข้ามาในงานพระราชพิธีฯส่วนทิศใต้ สถานีรถไฟนครปฐม จะมาลงที่สถานีรถไฟธนบุรี โดยประชาชนสามารถเดินเท้าข้ามสะพานพระปิ่นเกล้า หรือนั่งเรือข้ามฝาก เข้ามาในพื้นที่พระราชพิธีฯ ทั้งนี้ทางการรถไฟจะจัดที่จอดรถให้กับประชาชน ที่นำรถส่วนตัวมาจอดที่สถานีก่อนขึ้นรถไฟเข้ามาในกทม. ส่วนประชาชนที่เดินทางมาทางรถไฟฟ้า บีทีเอส จะมีรถชัทเติลบัส มารับสถานีรถไฟฟ้าอนุสาวรีย์ สถานีรถไฟฟ้าบางว้า สถานีรถไฟฟ้าบางใหญ่ และนำมาส่งในพื้นที่ที่ปิดการจราจร 5 จุดเช่นเดียวกัน
พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวต่อว่า ประชาชนที่เดินทางมาทางเรือ ทางแม่น้ำเจ้าพระยา จะต้องลงท่าเรือปิ่นเกล้า และท่าเรือ ยอดพิมาน เท่านั้น ก่อนเดินเท้าเข้ามาในงานพระราชพิธีฯ ส่วนประชาชนที่เดินทางผ่านคลองแสนแสบ ขึ้นที่ท่าเรือผ่านฟ้า และคลองผดุงกรุงเกษม ขึ้นที่ท่าเรือมัฆวาน และท่าเรือเทเวศร์ ก่อนจะเดินเท้าเข้ามาเช่นกัน ภายในบริเวณพิธีฯ ที่ปิดการจราจร มีการจัดแบ่งพื้นที่ไว้เป็นระเบียบเพื่อป้องกันการสับสน โดยเส้นทางเสด็จ เส้นทางเดินของประชาชน และเส้นทางฉุกเฉิน
พล.ท.สรรเสริญ กล่าวเสริมว่า ในส่วนของเส้นทางสายสำคัญ ถนนราชดำเนินนอก ตั้งแต่ลานพระราชวังดุสิต ถนนสายกลาง จะเป็นถนนสำหรับขบวนเสด็จ ถนนคู่ขนานฝั่งขว้ามือที่ติดกับกระทรวงศึกษาเป็นถนนของประชาชนที่ใช้เดิน ถนนคู่ขนานฝั่งซ้ายมือ ที่ติดกับทำเนียบรัฐบาล เป็นเส้นทางส่งกลับกรณีฉุกเฉิน จะเป็นเช่นนี้ไปถึงสะพานแยกผ่านฟ้า และจากแยกสะพานผ่านฟ้าจนถึงแยกผ่านพิภพ ถนนจะแบ่งออกเป็น 3 ลำดับ ตามความเร่งด่วนเช่นกัน แต่ช่องการจราจร ที่อยู่ฝั่งซ้ายมือ จะเป็นเส้นทางขบวนเสด็จ ส่วนทางขวามือแบ่งเป็น 2 เลน คือเลนขวาสุดเป็นช่องทางของประชาชน เลนซ้าย เป็นเส้นทางส่งกลับฉุกเฉิน จึงขอให้ประชาชนใช้ช่องทางตามที่เจ้าหน้าที่แนะนำ
ขณะที่ พล.ต.อ.เดชณรงค์ กล่าวต่อว่า ทางพล.อ.ประวิตรสั่งการให้ทางประทรวงคมนาคมจัดทำป้ายบอกทิศทาง จาก 5 จุดที่ต้องลงเดิน จนถึงที่หมาย โดยตลอดเส้นทางจะมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกให้กับประชาชน
นายนิสิต กล่าวว่า เราได้นำแนวนโยบายของกองอำนวยการร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด อำนวยความสะดวกประชาชนที่จะมาร่วมงานพระราชพิธีสำคัญครั้งนี้ ในเรื่องความปลอดภัย จุดจอดรถ อาหาร และน้ำดื่ม โดยสถานที่ถวายดอกไม้จันทน์ทั่วทุกภูมิภาคมีทั้งหมด 878 จุด แบ่งเป็น พระเมรุมาศจำลอง 76 แห่ง ดำเนินการแล้ว 95 เปอร์เซ็นต์ คาดว่าจะแล้วเสร็จทั่วประเทศ 15 ต.ค.
ขณะที่ซุ้มวางดอกไม้จันทน์ 802 จุด โดยทุกจุดจะติดตั้งจอแอลอีดีขนาดใหญ่เพื่อให้เห็นภาพประวัติศาสตร์เหมือนเหตุการณ์จริง ทั้งนี้ ทางกระทรวงมหาดไทยได้เปิดให้จังหวัดต่างๆ ทำดอกไม้จันทน์ รวมทุกจังหวัด จำนวน 61 ล้านดอก นอกจากนี้ ได้มีปรับภูมิทัศน์ปลูกดอกดาวเรืองในสถานที่สำคัญของทางราชการ และโดยรอบพระเมรุมาศจำลอง โดยแต่ละจังหวัดได้เตรียมการเก็บภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวเพื่อทำสมุดภาพประวัติศาสตร์ ทั้งนี้ภาพรวมการเตรียมการในแต่ละจังหวัดไม่พบปัญหาใด
ที่มา: ข่าวสด