พ่อแม่สุดช็อก ลูกชายนักเรียนเตรียมทหารเสียชีวิตหลังกลับเข้าเรียนได้ 1 วัน พบอวัยวะภายในหายเกลี้ยง สมองมีทิชชูยัดไว้ ทวงถามความจริงจากผู้เกี่ยวข้อง
จากกรณีที่นายพิเชษฐ และนางสุกัลยา ตัญกาญจน์ ได้ร้องสื่อมวลชนว่าลูกชายคือ นายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย์ นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตในวันที่ 17 ตุลาคม หลังกลับเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร เพียง 1 วัน และไม่ได้รับคำชี้แจงที่ละเอียดจากผู้เกี่ยวข้อง ได้รับเพียงใบมรณบัตรชี้แจงสาเหตุการตายจากภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน จึงข้องใจถึงสาเหตุการตาย ที่ผ่านมารู้ว่าลูกมักถูกลงโทษและถูกเรียกไปซ่อมเดี่ยวอยู่บ่อย ๆ เคยถูกลงโทษโดยรุ่นพี่ซึ่งเป็นหัวหน้าหมวด จนชีพจรหยุดเต้นไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ก็ไม่เคยคิดว่าสาเหตุการเสียชีวิตในครั้งนี้จะมาจากเหตุการณ์ในครั้งก่อน จึงอยากทวงถามความกระจ่างจากทางโรงเรียน
ขณะที่นางสุกัลยา กล่าวว่า ในครั้งแรกที่ลูกชายถูกทำโทษอย่างรุนแรงด้วยการให้ปักหัวลงที่พื้นห้องน้ำนายทหาร จนเกิดอาการช็อกเพราะเลือดตกที่หัวและความดันพุ่งต่ำลง ซึ่งในรายละเอียดไม่ทราบว่า ถูกทำโทษเพราะเหตุใดและถูกทำโทษนานเท่าใด แต่เมื่อบุตรชายถูกปั๊มหัวใจจนมีชีพจรอีกครั้งก็ไม่ติดใจเอาความ แต่ในครั้งล่าสุดที่ลูกชายหัวใจหยุดเต้น ไม่มีผู้ใดชี้แจงถึงรายละเอียดและสาเหตุการเสียชีวิต
อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2560 นายพิเชษฐ ได้แอบนำศพลูกชายออกมา ก่อนที่จะมีการเผาศพ โดยไม่ได้บอกใครว่าไม่ได้เผาศพลูกและนำศพไปชันสูตร ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ปรากฏว่า อวัยวะภายใน ตับ ไต ไส้ พุง หายไปหมด ยิ่งทำให้เคลือบแคลงสงสัย
ล่าสุด วันที่ 20 พฤศจิกายน 2560 นายพิเชษฐ และนางสุกัลยา พร้อมด้วย น.ส.สุพิชชา ตัญกาญจน์ ลูกสาวคนโต ได้แถลงข่าวถึงกรณีนี้ โดย น.ส.สุพิชชา ระบุว่า จากการชันสูตรพบว่า อวัยวะภายใน ทั้ง ตับ ไต ไส้ พุง หายไปทั้งหมด ส่วนที่กะโหลกศีรษะมีกระดาษทิชชูยัดไว้ สมองหายไป นอกจากนี้ยังตรวจพบกระดูกซี่โครง 4 ซี่หัก และมีรอยช้ำภายในช่องท้องด้านขวา ด้านหลังภายในซีกซ้ายมีรอยช้ำ และที่ไหปลาร้าหักทั้ง 2 ข้าง ซึ่งแพทย์ระบุว่า ซี่โครงที่หักไม่น่าจะเกิดจากการปั๊มหัวใจ และรอยช้ำน่าจะเกิดจากการถูกกระแทกอย่างแรง
นอกจากนี้ทางครอบครัวยังได้นำคลิปเสียงที่อ้างว่าได้พูดคุยกับผู้บัญชาการโรงเรียนเตรียมทหาร หลังจากรู้ว่าอวัยวะหายไปมาเปิดให้สื่อมวลชนฟังด้วย พร้อมทั้งระบุว่าอยากได้คำชี้แจงว่า อวัยวะลูกชายหายไปเกิดจากสาเหตุอะไร และต้องการชิ้นส่วนอวัยวะของลูกคืน เพื่อนำมาพิสูจน์หาสาเหตุการเสียชีวิตอีกครั้ง
ภาพและข้อมูลจาก
amarintv.com