คดีอดีต ผบก.เลย ร่วมกับพวกฉ้อโกงประชาชนคืบ ผบช.ภาค 4 ขอพนักงานสอบสวนเพิ่ม ขยายผลไปภาคเหนือ ภาคกลาง ตรวจยึดอายัดทรัพย์สินคาดมากกว่า 1,000 ล้านบาท มั่นใจ 2 สัปดาห์ ส่งสำนวนให้อัยการส่งฟ้องศาลคดีอาญา และคดีฟอกเงิน
พล.ต.ท.สุรชัย ควรเดชะคุปต์ ผบช.ภ.4 เปิดเผยว่า คดีของพล.ต.ต.สุทิพย์ พร้อมพวกเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญาที่ 2/ 2561 ในข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการ ฉ้อโกงประชาชน” ในการสอบสวนคดีนี้จึงต้องแบ่งเป็น 3 คดี คือที่ จ.เลย ที่ผู้ต้องหาเอาเงินของตำรวจ ภ.จว.เลย จำนวน 192 นาย เป็นเงินมากกว่า 229 ล้านบาท คดีที่ จ.หนองบัวลำภู และคดี จ.ขอนแก่น ที่หลอกลวงประชาชนจำนวนมาก ในรูปแบบแชร์ลูกโซ่รวมความเสียหายมากกว่า 1,000 ล้านบาท
ทาง บช.ภ.4 ได้สืบสวนสอบสวนมาโดยตลอด และสืบทราบทรัพย์ของผู้ต้องหาที่จะต้องมีการใช้ พ.ร.บ.ป้องกันปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 เพื่อยึดทรัพย์ครั้งต่อไป จึงต้องยื่นคำร้องไปที่ตำรวจเพื่อขอพนักงานสอบสวนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาเพิ่มเติม ในการสืบทรัพย์สินของผู้ต้องหา เพราะผู้ต้องหากระจายไปหลายภาค อาทิภาคเหนือ ที่จ.เชียงใหม่ ภาคกลาง ที่กรุงเทพฯ
ส่วนการสืบสวนสอบสวน บช.ภ.4 ได้มีการสืบทรัพย์สินของผู้ต้องหาในคดีนี้ พร้อมกับประสานไปกับ ปปง. จึงได้ดำเนินการไปแล้วเมื่อวันที่ 4ก.ย.ที่ผ่านมา ได้ทรัพย์สินมากกว่า 100 ล้านบาท ดังนั้นจึงต้องพยายามสืบสวนตรวจสอบหาทรัพย์สินของผู้ต้องหามาเพิ่มเติม เพื่อคืนให้กับผู้เสียหาย ตร.ภ.จว.เลย 192 นาย พร้อมกับผู้เสียหายรายอื่นๆให้เร็วที่สุด
สำนวนการสอบสวนคดีนี้ บช.ภ.4 ได้ทำไปมากกว่า 90% เป็นเอกสารมากกว่า 15,000 แผ่น ในจำนวน 30 กว่าแฟ้ม เมื่อ สนง.ตร. ได้ส่งพนักงานสอบสวนมาเพิ่มเติม ก็ต้องรีบดำเนินการให้เสร็จภายในไม่เกิน 2 สัปดาห์ ให้เป็นสำนวนสอบสวนของ สนง.ตร. ตามที่ บช.ภ.4 ร้องขอไป โดยแบ่งเป็น 2 ส่วน คือคดีอาญาในข้อกล่าวหาว่า ร่วมกันกู้ยืมเงินที่ เป็นการฉ้อโกงประชาชน และคดีการฟอกเงิน โดยเฉพาะคดีนี้การสอบสวนไปถึงใครก็ต้องติดตามทรัพย์สินที่ผู้ต้องหา ถือครองอยู่มาคืนให้กับผู้เสียหายทั้งหมด
รายละเอียดเพิ่มเติมจาก