รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เตรียมแจงสอบ “วิเชียร ชิณวงษ์” พบมีการละเว้นเก็บค่าธรรมเนียม การพยายามติดสินบนเจ้าหน้าที่ และการทำเรื่องอนุญาตโดยไม่มีอำนาจ เตรียมส่งเรื่องให้กรมอุทยานฯ พิจารณาว่าผิดทางวินัยหรือผิดอาญา
วันนี้ (9 ก.พ.61) พลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงผลการสอบปากคำเจ้าหน้าที่อุทยานที่เกี่ยวข้องกับกรณีนายเปรมชัย กรรณสูต ซีอีโอ บริษัท อิตาเลียนไทย ที่เข้าไปในพื้นที่อุทยานแห่งชาติทุ่งใหญ่นเรศร และใช้อาวุธปืนล่าสัตว์ป่า เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ว่า ล่าสุดจากการสอบปากคำ นายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศรด้านตะวันตก และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตลอดทั้งคืน พบว่า ตัวนายวิเชียร เองมีความผิดที่ไม่ได้เก็บเงินค่าธรรมเนียมเข้าพื้นที่ จำนวน 110 บาท คือ คนละ 20 บาท และค่ารถ 30 บาท และในส่วนของการพยายามติดสินบนเจ้าหน้าที่ด้วยสิ่งของ ซึ่งนายวิเชียร ได้มีการร้องทุกข์กล่าวโทษไว้กับพนักงานสอบสวนของ ปปป. แล้ว
ทั้งนี้ ตามขั้นตอนปกติของการอนุญาตเข้าพื้นที่ของกรมอุทยานสามารถทำได้สองวิธี คือการเก็บค่าธรรมเนียมเข้าตามปกติ หรือการทำเรื่องขออนุญาตเข้าศึกษาวิจัยซึ่งไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมการเข้าพื้นที่ แต่ต้องเป็นดุลพินิจของ ผอ. แต่ในกรณีนี้ นายวิเชียร รับว่าเป็นผู้ทำเรื่องอนุญาตเข้าพื้นที่เพื่อศึกษาวิจัยให้กับคณะของนายเปรมชัย ด้วยตนเอง จึงไม่ได้เก็บค่าธรรมเนียมเข้าพื้นที่ในจำนวน 110 บาท เนื่องจากได้รับการติดต่อจาก ผอ. ให้อำนวยความสะดวกกับกลุ่มของนายเปรมชัย จึงตัดสินใจทำเรื่องอนุญาตด้วยตนเองในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีอำนาจ และนายเปรมชัย ไม่ได้เป็นผู้ยื่นเรื่องขออนุญาต
หลังจากนี้ตำรวจจะทำเรื่องผลการสอบปากคำรายงานไปยังอธิบดีกรมอุทยาน เพื่อพิจารณาว่าการอนุญาตของนายวิเชียร ถือว่าเป็นกระทำที่ผิดขั้นตอนปฏิบัติของทางกรมอุทยานฯ หรือไม่ ซึ่งหากการอนุญาตนี้ไม่ผิดขั้นตอนปฏิบัติทางกรมก็สามารถดำเนินการตรวจสอบเป็นการภายในได้ แต่หากว่าเป็นการกระทำที่ผิดขั้นตอนก็สามารถมาร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีทางอาญาได้ ซึ่งทางกรมอุทยานต้องพิจารณาในส่วนนี้ว่าเป็นการดำเนินการที่ผิดทางวินัยหรือผิดทางอาญา ส่วนคลิปเสียงจากการสอบปากคำเจ้าหน้าที่มีการยืนยันตัวบุคคลที่อยู่ในการสนทนา แต่ยังไม่ขอเปิดเผยในขณะนี้ว่าเป็นใครบ้าง
และในส่วนของการดำเนินการสอบปากคำบุคคลอื่นเพิ่มเติมในคดีนี้ พนักงานสอบสวนจะพิจารณาอีกครั้งว่าจะต้องเชิญ ผอ. หรือบุคคลใดให้เข้ามาสอบปากเพิ่มเติมอีกหรือไม่ ซึ่งหากว่ามีข้อสงสัยต้องการข้อมูลจากใครก็ต้องเขิญมาสอบปากคำ เพื่อให้สำนวนมีความครบถ้วนสมบูรณ์
ข้อมูลจาก: