นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเดินหน้าโครงการแจกสวัสดิการภาครัฐ ที่มีผู้มาลงทะเบียนและได้สิทธิจำนวน 11.4 ล้านคนต่อเนื่อง โดยในการแจกสวัสดิการเฟส 1 ที่เป็นการช่วยเหลือค่าครองชีพ จะมีดำเนินการต่อเนื่องจนถึงปีงบประมาณ 2562 ซึ่งได้มีการเตรียมงบประมาณไว้เป็นที่เรียบร้อย
สำหรับปี 2561 คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบการแจกสวัสดิการผู้มีรายได้น้อยเฟส 1 ใช้สำหรับซื้อสินค้าร้านธงฟ้า ขึ้นรถ บขส. และรถไฟ รถไฟฟ้า เดือนละ 3,495 ล้านบาท หรือปีละ 4.19 หมื่นล้านบาท โดยใช้เงินจากกองทุนประชารัฐซึ่งได้รับสรรจากเงินงบประมาณมาจำนวน 4.6 หมื่นล้านบาท
นายประสงค์ กล่าวว่า ในส่วนของการแจกสวัสดิการภาครัฐเฟส 2 เรื่องการฝึกทักษะอาชีพเพิ่มเงินรายได้ให้หลุดจากความยากจนที่มีผู้ประสงค์ไม่ฝึกอาชีพจำนวนมากถึง 3.1 ล้านคน ไม่ถือว่าโครงการล้มเหลว เพราะส่วนหนึ่งผู้มีรายได้น้อยไม่เข้าร่วมเพราะอายุมาก และอีกส่วนหนึ่งเห็นว่าชีวิตที่เป็นอยู่เพียงพออยู่แล้ว เพียงแต่ขอให้รัฐบาลช่วยเหลืออย่างที่ทำอยู่ให้ต่อเนื่องเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้ให้ที่ปรึกษาผู้มีรายได้น้อย หรือ AO ลงสำรวจผู้มีรายได้น้อยที่ไม่ประสงค์ฝึกอาชีพอีกครั้ง คาดว่าจะชัดจูงทำให้มีผู้รายได้น้อยเปลี่ยนใจมาฝึกอาชีพเพิ่มขึ้นกว่า 1 แสนราย
ทั้งนี้กระทรวงการคลัง ได้รายงานการดำเนินการแจกสวัสดิการผู้มีรายได้น้อยเฟส 2 ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบล่าสุดว่า ผู้มีรายได้น้อยจำนวน 11.4 ล้านคน มีแจ้งความประสงค์ฝึกอาชีพ 8.3 ล้านคน ซึ่งทำให้ได้เงินเพิ่มใช้จ่ายซื้อของร้านธงฟ้าเพิ่มคนละ 100-200 บาท จากเดิมที่ได้รับอยู่คนละ 200-300 บาท ในจำนวนนี้ได้มีการสำรวจความเห็นจาก AO แล้ว 7.2 ล้านคน มีผู้ประสงค์ฝึกอาชีพ 4.1 ล้านคน และไม่ประสงค์ฝึกอาชีพ 3.1 ล้านคน จากที่คลังคาดว่าจะมี 1.5 ล้านคน หรือมากกว่าที่คลังคาดไว้ถึงเท่าตัว
อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังได้ตัดสิทธิเงินเพิ่มเดือนละ 100-200 บาท สำหรับคนที่ไม่ประสงค์ฝึกอาชีพตั้งแต่เดือนมิ.ย.นี้ เป็นต้นไป แต่สำหรับวงเงินที่ได้รับในเฟส 1 คนละ 200-300 บาท ยังได้อยู่เหมือนเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลง
สำหรับการดำเนินช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยเฟส 2 รัฐบาลได้เห็นชอบงบประมาณจำนวน 3.56 หมื่นล้านบาท เป็นค่าใช้จ่าย 2,989 ล้านบาท งบประมาณเพื่อรองรับการพัฒนาและส่งเสริมคุณภาพชีวิต 1.88 หมื่นล้านบาท และงบประมาณสำหรับซื้อสินค้าอุปโภคและบริโภคที่จำเป็นในร้านค้าประชารัฐวงเงิน 1.38 หมื่นล้านบาท
ที่มา: