<h3>ชงรัฐบาลใหม่ปรับเกณฑ์บัตรคนจน ดูรายได้ทั้งครัวเรือนเป็นเกณฑ์วัดแทน รายได้ส่วนตัว แก้ปัญหาคนรวยสวมสิทธิใช้ คัดคนจนจริงถือบัตรเหลือไม่เกิน 10 ล้านคน</h3> <h3><!--more--></h3> <h3>ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังกำลังจัดทำแพ็คเกจโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ เสนอให้รัฐบาลชุดใหม่พิจารณา โดยสาระสำคัญจะปรับหลักเกณฑ์การเปิดรับลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อย หรือบัตรคนจนให้รัดกุมยิ่งขึ้น ป้องกันไม่ให้คนที่มีรายได้สูงเข้ามาสวมสิทธิถือบัตร ซึ่งวิธีการจะเสนอให้ใช้รายได้ทั้งครัวเรือนประจำปีมาเป็นตัวชี้วัดแทนรายได้ของบุคคล โดยวิธีเดิมคลังได้ใช้เกณฑ์วัดให้หนึ่งคนต้องมีรายได้หรือทรัพย์สินไม่เกิน 1 แสนบาทถึงเข้าร่วมได้ แต่เกณฑ์ใหม่จะวัดรายได้ทั้งครอบครัว พ่อ แม่ ลูก มารวมกัน เช่น ถ้าครอบครัวมี 4 คนก็อาจวัดรายได้ครัวเรือนที่ 4 แสนบาท โดยคาดจะเริ่มเปิดลงทะเบียนบัตรคนจนรอบใหม่ได้ไตรมาสสุดท้ายปีนี้ และเริ่มให้ความช่วยเหลือได้ต้นปี 63 เป็นต้นไป</h3> <h3>“วิธีใหม่นี้จะช่วยคัดกรองให้การช่วยเหลือของภาครัฐถึงผู้มีรายได้น้อยตัวจริงเสียงจริงมากยิ่งขึ้น เพราะยอมรับว่าการที่ทำกำหนดเกณฑ์รายได้บุคคล 1 แสนบาทแบบปัจจุบัน ทำให้มีคนอาศัยช่องว่างของหลักเกณฑ์เข้ามาลงทะเบียนเยอะ เช่น พ่อแม่แก่แล้ว ไม่มีรายได้ไม่มีทรัพย์สิน แต่ลูกร่ำรวยมีบ้านมีที่ดินหลายล้านบาท ทำงานมีรายได้เดือนหลายหมื่นบาท ถ้าเป็นเกณฑ์เดิมพ่อแม่ก็มาลงทะเบียนรับบัตรได้ แต่ถ้าเป็นหลักเกณฑ์ใหม่จะไม่ผ่านคุณสมบัติและไม่ได้รับการช่วยเหลือจากรัฐ”</h3> <h3>ทั้งนี้จากการปรับหลักเกณฑ์เปิดรับลงทะเบียนรอบใหม่นี้ กระทรวงการคลังคาดหวังว่าจะทำให้มีผู้ได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ลดลงไปถึง 1 ใน 3 จากปัจจุบันที่ได้รับสิทธิ 14.5 ล้านคน ลดเหลือเพียงไม่ถึง 10 ล้านคน ทำให้รัฐสามารถนำงบประมาณไปใช้ช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนและมีความจำเป็นจริงๆ ได้ตรงกลุ่มเป้าหมายยิ่งขึ้น</h3> <h3>สำหรับวงเงินที่เตรียมใช้ในโครงการบัตรสวัสดิการรอบใหม่ ในปีงบประมาณ 63 ขณะนี้กระทรวงการคลังได้ทำเรื่องบรรจุในงบประมาณประจำปี 63 ไปแล้วประมาณ 4 หมื่นล้านบาท เพื่อเติมเข้ากองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม แต่ยังจำเป็นต้องรอการเปิดสภาพิจารณางบประมาณประจำปีกันก่อน โดยน่าจะเริ่มนำเงินใช้ได้อย่างเร็วต้นปีหน้า ส่วนวงเงินดังกล่าวจะไปใช้แจกให้ผู้ถือบัตรคนจนแบบไหน และเปลี่ยนแปลงจากเดิมหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่เป็นผู้พิจารณา</h3> <h3>ที่มา เดลินิวส์</h3>