ธ.ก.ส. เตรียมจ่ายเงินประกันรายได้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ วงเงิน 1,800 ล้านบาท เริ่มจ่ายเงินรอบแรก 20 พฤศจิกายนนี้
นายกษาปณ์ เงินรวง รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. ดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2563/64 เพื่อให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มีรายได้ ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ตกต่ำและสร้างความมั่นคงในอาชีพ เป้าหมาย 452,000 ราย วงเงินงบประมาณ 1,867 ล้านบาท ประกันรายได้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เมล็ด ณ ความชื้นร้อยละ 14.5 กิโลกรัมละ 8.50 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ไร่
สำหรับหลักเกณฑ์การจ่ายเงินประกันรายได้ เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ต้องขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับกรมส่งเสริมการเกษตร โดยแจ้งเพาะปลูกตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2563 – 31 พฤษภาคม 2564 โดยกรมส่งเสริมการเกษตรจะทำการตรวจสอบข้อมูลแล้วส่งมายัง ธ.ก.ส. เพื่อให้โอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรง ซึ่งเงินประกันรายได้เป็นส่วนต่างระหว่างราคาประกันรายได้กับราคาเกณฑ์กลางจะมีการจ่ายชดเชยส่วนต่างราคาครั้งแรกในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2563 และจ่ายต่อไปทุกวันที่ 20 ของเดือน เป็นระยะเวลา 12 เดือน ทั้งนี้แปลงปลูกข้าวโพดแปลงใดแปลงหนึ่งสามารถรับสิทธิ์ประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2563/64 ได้แปลงละ 1 ครั้ง ในรอบเพาะปลูกวันที่ 1 มิถุนายน 2563 – 31 พฤษภาคม 2564 เท่านั้น เพื่อไม่ให้เป็นการจ่ายเงินซ้ำซ้อน ซึ่งเกษตรกรสามารถตรวจสอบการโอนเงินได้ผ่านทางแอปพลิเคชัน ธ.ก.ส. A-Mobile ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ
นอกจากนี้ ธ.ก.ส. ยังได้ออกมาตรการคู่ขนานผ่านโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตร ปี 2563/64 วงเงินสินเชื่อรวม 1,500 ล้านบาท โดยสนับสนุนสินเชื่อแก่กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชนและสถาบันเกษตรกรที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ หรือใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตอาหารสัตว์ นำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ในการรวบรวมหรือรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากเกษตรกรผู้ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีการผลิต 2563/64 กับกรมส่งเสริมการเกษตร เพื่อจำหน่ายต่อ แปรรูป เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและช่วยดูดซับปริมาณผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในช่วงที่ผลผลิตออกมาก วงเงินสินเชื่อ กรณีสหกรณ์การเกษตรแห่งละไม่เกิน 300 ล้านบาท กลุ่มเกษตรกรกลุ่มละไม่เกิน 20 ล้านบาท และวิสาหกิจชุมชนกลุ่มละไม่เกิน 5 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 1 ต่อปี เป็นระยะเวลาไม่เกิน 12 เดือน เริ่มจ่ายสินเชื่อตั้งแต่บัดนี้ – 31 พฤษภาคม 2564