เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 8 มี.ค. ที่ท่าอากาศยานนานาชาติจังหวัดขอนแก่น น.ส.ปณิดา ยศปัญญา หรือน้องแบม นิสิตชั้นปีที่ 4 คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาวิชาพัฒนาชุมชน มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส.) ผู้ที่ออกมาร้องเรียนและเปิดโปขบวนการทุจริตเงินสงเคราะห์ผู้ยากไร้และผู้ป่วยโรคเอดส์ ของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งขอนแก่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ให้สัมภาษณ์ว่า การที่ตนไม่เดินทางไปรับทุนการศึกษาและเกียรติบัตรเชิดชูเกียรติจากคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มมส. เมื่อวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา เป็นการประสานงานที่ผิดพลาดและคลาดเคลื่อน เนื่องจากมีอาจารย์และเจ้าหน้าที่ติดต่อมาซ้ำซ้อนกันและรวดเร็วเกินไป
น.ส.ปณิดา กล่าวต่อว่า เดิมติดต่อให้มารับทุนการศึกษาในวันนี้ แต่กลับมีอาจารย์อีกท่านแจ้งมาเมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา ว่าจะขอมอบรางวัล จึงทำให้ตนเกิดความสับสนว่าเป็นรางวัลเดียวกันหรือแยกกัน เพราะงานนั้นกำหนดจัดที่คณะฯ อีกทั้งทุนการศึกษาและเกียรติบัตรที่คณะฯมอบให้นั้น โดยส่วนตัวและครอบครัวยังคงไม่ขอรับ เนื่องจากรอผลการสอบสวนของคณะกรรมการสภา มมส. ให้แล้วเสร็จก่อน เพราะขณะนี้เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของการสอบสวนแล้วใน 4 ประเด็นหลักประกอบด้วยเรื่องการสั่งกราบเท้า, การทำร้ายร่างกาย, การไม่ให้การช่วยเหลือนักศึกษาในปกครองของตนเอง และการละเมิดสิทธินักศึกษา
“หนูรักในสถาบัน รักในคณะฯ รักในสาขาที่เรียนมา ที่ตัดสินใจไม่รับรางวัลครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับมหาวิทยาลัยฯแต่อย่างใด และหนูขอไม่พูดกับคณะครู ที่เปรียบเสมือนแม่คนที่ 2 ของหนู เพราะตั้งแต่เด็กนอกจากจะต้องการเป็นทหารแล้ว ยังคงต้องการเป็นนักพัฒนาชุมชน เพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้ คนเร่ร่อน คนยากคนจน จึงตัดสินใจเลือกเรียนสาขาวิชานักพัฒนาชุมชน โดยมีหัวหน้าภาควิชาและอาจารย์ที่สอน เป็นเสมือนแม่อีกท่านหนึ่งที่คอยสั่งสอนตลอดระยะเวลา 4 ปี พอหนูเห็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย ก็นำเรื่องมาบอกแต่กลับถูกกระทำในลักษณะเช่นนี้ หนูจึงต้องออกมาเรียกร้องสิทธิ์และสิ่งที่ถูกต้องให้กับตัวเองและครอบครัวด้วยเช่นกัน” น้องแบม กล่าว
น.ส.ปณิดา กล่าวอีกว่า ดังนั้น การออกแถลงการณ์ของคณะกรรมการที่มหาวิทยาลัยฯได้แต่งตั้งขึ้น โดยสภาคณาจารย์และองค์กรนิสิต มมส. ได้มาร่วมขับเคลื่อนในเรื่องที่เกิดขึ้นซึ่งคาดว่าผลจะออกมาในวันที่ 12 มี.ค.นี้ อย่างไรก็ตาม ตนขอขอบคุณทุกกำลังใจจากใจจริง ที่ให้การสนับสนุนตนและครอบครัวมาโดยตลอด วันนี้ได้ถูกยกให้เป็นเนตไอดอลด้านการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งก็ตกใจมาก เพราะมีการเผยแพร่ผ่านโซเชียลมีเดียต่างๆ ครอบครัวและเพื่อนๆต่างพากันส่งมาให้ดูทุกวัน และยังคงมีข้อความผ่านสื่อฯ หรือข้อความที่ส่งมาให้ตนจากหน่วยงานทั้งภาครัฐภาคเอกชน รวมทั้งผู้ที่ติดตามเรื่องราวที่เกิดขึ้น
น.ส.ปณิดา กล่าวว่า ส่วนใหญ่ที่ให้กำลังใจ ให้การสนับสนุนในสิ่งที่ทำไป เพราะถือเป็นการแสดงออกถึงการต่อต้านคอร์รัปชั่นและการกระทำที่นำคนผิดมาลงโทษ เนื่องจากเรื่องนี้เป็นการกระทำที่เกิดขึ้นกับคนจน คนยากไร้ ผู้ป่วยโรคเอดส์ และผู้ตกทุกข์ได้ยาก กลุ่มคนเหล่านี้ต้องการได้รับการช่วยเหลือแต่กลับมาถูกเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในการทำงานเพื่อชุมนและสังคม ตามที่ได้รับมอหมายมากระทำผิดและทุจริตนำเงินช่วยเหลือไปใช้อย่างผิดประเภท ซึ่งตนไม่ทราบว่านำเงินของคนยากคนจน คนยากไร้และคนที่ต้องการได้รับการช่วยเหลือไปใช้อย่างไร ตรงนี้เจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และ คสช. จะทำการสืบสอบสวนเอาคนผิดมาดำเนิคดีตามกฎหมายได้ทั้งหมด ซึ่งตนเชื่ออย่างนั้นว่ากระบวนการยุติธรรมมีอยู่จริง
“หนูถูกสั่งสอนมาโดยตลอดในเรื่องของการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น เพราะครอบครัวเน้นย้ำเสมอในเรื่องระเบียบวินัยและเรื่องของการทำในสิ่งที่ถูกต้อง ยอมรับว่ากลัวและร้องไห้คนเดียวมาตลอดหลังจากที่ตัดสินใจร้องเรียนต่อ คสช. จนนำมาสู่การสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงและมารู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่แต่เฉพาะที่ขอนแก่น แต่กระจายไปทั่วทั้งประเทศ เรื่องการสืบสวนก็ขอให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทำเต็มที่และนำความจริงมาเสนอต่อสาธารณชนได้รับทราบ เพราะเป็นการกระทำกับคนยากคนจน คนยากไร้อย่างแท้จริง นักพัฒนาชุมชนไม่ควรที่จะทำมาแบบนี้ หนูไม่เสียใจที่เรียน มมส. ไม่เสียใจที่เรียนคณะมุนษยฯและสาขาวิชาพัฒนาชุมชน การออกมาร้องเรียนในสิ่งที่ผิดหนูคิดดีแล้ว ทำดีแล้ว และตั้งใจที่จะเดินหน้าสู้ต่อไปเพื่อตัวหนูเองและคนยากคนจน อีกอย่างถ้าเรารู้ว่าผิด ถ้าเรายังคงทำต่อไปเหมือนกับว่าเราไม่ทำอะไรให้กับประเทศไทย เหมือนกับว่าเรานั้นไม่รักชาติอีกด้วย” น้องแบม กล่าว
น.ส.ปณิดา กล่าวด้วยว่า จากนี้ไปเหลือเวลาเพียงแค่ 2 เดือนที่จะต้องสำเร็จการศึกษา ตนจึงขอทำหน้าที่นิสิตลงพื้นที่ทำวิจัย เก็บข้อมูล ตามระยะเวลาที่มหาวิทยาลัยฯกำหนดเพื่อให้สำเร็จการศึกษาได้ทันพร้อมกับเพื่อนๆ ที่ผ่านมา ได้ให้ความร่วมมือกับทุกฝ่ายโดยตลอด แม้จะถูกหลายหน่วยงานและสื่อมวลชนต่อว่าบ้าง แต่ก็ทำอย่างเต็มที่แล้ว จากนี้ไปขอมุ่งในเรื่องเรียนอย่างเดียว เพื่อให้สำเร็จการศึกษา และก้าวสู่การเป็นนักพัฒนาชุมชนที่ดี ตามที่ตนตั้งใจไว้
ข่าวจาก: