ขอนแก่น วันที่ 6 ส.ค. – เกษตรกรครอบครัวหนึ่งในอำเภอสีชมพู จังหวัดขอนแก่น ใช้การปลูกพริกเลี้ยงชีวิตมาเกือบ 20 ปี และปีที่แล้วได้เพิ่มความหลากหลายของพืช รวมทั้งได้ใบรับรองสินค้าปลอดภัย (GAP) จากกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทำให้มีช่องทางการตลาดและรายได้เพิ่มมากขึ้น
ครอบครัวนี้ตั้งชื่อสวนเกษตรว่า “ไร่หงษ์ทรัพย์” ตามชื่อสกุล บนเนื้อที่ประมาณ 30 ไร่ ตั้งอยู่บ้านปากง่าม ตำบลนาจาน อำเภอสีชมพู จังหวัดขอนแก่น มีนายถาวร และนางทองจันทร์ หงษ์ทรัพย์ เป็นผู้ดูแลหลัก โดยแบ่งพื้นที่ปลูกอ้อย 10 ไร่ นาข้าว 13 ไร่ สระน้ำ 2 ไร่ ที่เหลือปลูกพืชผักต่างๆ อาทิ กล้วยน้ำว้า กล้วยหอมทอง ข่าเหลือง บางส่วนปลูกหมุนเวียนตามฤดูกาล ตอนนี้มีมะระขาวไต้หวันที่ปลูกได้ในทุกสภาพอากาศ รสชาติไม่ขม
สดกินเพื่อสุขภาพ มีสรรพคุณต้านมะเร็ง ติดกันเป็นต้นขจรยักษ์ นอกจากเก็บดอกขายกิโลกรัมละ 70 บาทแล้ว ยังตัดกิ่งพันธุ์จำหน่ายกิ่งละ 10 บาท ที่เห็นในกะละมังนี้ลูกค้าเพิ่งสั่งซื้อมา 800 กิ่ง คิดเป็นเงินถึง 8,000 บาท แต่พืชที่ทำเงินให้ไร่หงษ์ทรัพย์สูงสุด คือ พริก ช่วงหน้าฝนที่ยังไม่เหมาะนัก ปลูกพริกจินดา เพียง 1 ไร่ เป็นพริกที่จัดอยู่ในกลุ่มพริกขี้หนูผลใหญ่ ตั้งแต่เพาะกล้าจนถึงลงแปลงปลูกใช้เวลาราว 90 วัน ก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตต่อเนื่อง 3-4 เดือน ช่วงนี้มีพ่อค้ามารับซื้อถึงไร่ กิโลกรัมละ 40 บาท แต่ช่วงปีใหม่จะได้ราคาดี เฉลี่ยกิโลกรัมละ 80-110 บาท
นายถาวร หงษ์ทรัพย์ เจ้าของไร่หงษ์ทรัพย์ เล่าว่า ปีที่แล้วเกิดความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีหลายอย่าง ทั้งการนำพืชผักเข้ามาปลูกเป็นแบบผสมผสาน เพื่อให้มีรายได้หมุนเวียนตลอด และพริกจินดาได้ใบรับรองผลิตพืชตามมาตรฐานระบบการจัดการคุณภาพการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับพืช (GAP) ของกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งว่าด้วยสินค้าปลอดภัย ปลอดศัตรูพืช และมีคุณภาพ ทำให้ผลผลิตเป็นที่ยอมรับ และช่องทางการจำหน่ายเปิดกว้างมากยิ่งขึ้น
สำหรับพริกจินดาชุดใหญ่จะลงปลูกในช่วงปลายฤดูฝนต้นฤดูหนาว พร้อมพริกทางเลือกอื่นเพิ่มความหลากหลาย ทั้งพริกช่อจีน พริกเจ็ดสี และพริกตุ้ม รวมพื้นที่ปลูกพริกราว 5 ไร่ ช่วงเทศกาลปีใหม่ วันเดียวเคยเก็บได้ถึง 1,500 กิโลกรัม เป็นเงินกว่า 100,000 บาท ไร่หงษ์ทรัพย์ไม่ได้จำหน่ายเพียงผลผลิต แต่ยังจำหน่ายเมล็ดพันธุ์พืชต่างๆ ที่ผ่านการทดลองปลูกเองจนได้ผลที่น่าพอใจมาแล้ว และกล้าประกาศว่าเป็นเมล็ดพันธุ์แท้ สามารถนำไปทำพันธุ์รุ่นต่อไปได้ ในจำนวนนี้มีข้าวโพดอัญมณีที่จำหน่ายกิโลกรัมละ 2,000 บาท รวมอยู่ด้วย
เดิมครอบครัวหงษ์ทรัพย์ ทำนา ปลูกอ้อย แต่รายได้ที่เป็นรายปีไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่าย จึงปลูกพืชล้มลุกอย่างพริกเสริมมาเกือบ 20 ปีแล้ว และก็กลายเป็นรายได้หลักส่งลูกสาว 3 คน จนเรียนจบปริญญาตรี ขณะนี้ต่างมีงานประจำเป็นของตัวเอง แต่ทั้งหมดสร้างช่องทางจำหน่ายสินค้าของไร่หงษ์ทรัพย์ทางสื่อสังคมออนไลน์ เช่น แฟนเพจเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า “พริกช่อจีน พริกพลิกชีวิต” ซึ่งเป็นการหารายได้เสริมให้กับตัวเอง ขณะเดียวกันยังได้ช่วยพ่อแม่จำหน่ายผลผลิตจากไร่หงษ์ทรัพย์ไปสู่ตลาดในวงกว้างด้วย
รายละเอียดข้อมูลข่าวจาก