มหาสารคาม-มหาสารคามส่งสัญญาณแล้ง หลังท้ายเขื่อนระบายน้ำวังยาง เริ่มมีเนินทรายโผล่ให้เห็น ทั้งปริมาณน้ำไหลผ่านต่อวันเหลืองเพียง 1 ล้านลูกบาศก์เมตรเท่านั้น ชี้ต้องสงวนน้ำไว้อุปโภคบริโภคเท่านั้น งดปลูกพืชฤดูแล้งทุกชนิด
นายพัฒนะ พลศรี หัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 3 เขื่อนระบายน้ำวังยาง โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพัฒนาลุ่มน้ำชีตอนกลาง เปิดเผยว่า ภัยแล้งพื้นที่จังหวัดมหาสารคามมาเร็วกว่าปกติ สถานการณ์น่าเป็นห่วง ภัยแล้งเริ่มส่งสัญญาณแล้ว โดยเฉพาะที่บริเวณท้ายเขื่อนระบายน้ำวังยาง เริ่มมีเนินทรายโผล่ให้เห็น ปกติฝายวังยางจะมีปริมาณน้ำไหลผ่านไม่ต่ำกว่าวันละ 10 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่ปีนี้มีปริมาณน้ำไหลผ่านต่อวันเหลืองเพียง 1 ล้านลูกบาศก์เมตรเท่านั้น ทั้งนี้เป็นผลมาจากปริมาณน้ำต้นทุนคือเขื่อนอุบลรัตน์ มีน้ำน้อย ฤดูฝนหมดเร็ว
ปัจจุบันฝายวังยางมีปริมาณน้ำเก็บกักอยู่ที่ระดับ 137.07 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง (รทก.) จากระดับเก็บกักปกติ 137.00 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง คิดเป็นปริมาณความจุ 34.28 ล้านลูกบาศก์เมตร มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 12.96 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน หรือ 1.11 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน เปิดประตูระบายน้ำ 3 บาน รวม 15 เซนติเมตร
โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาชีกลาง ได้ออกประกาศแจ้งไปยังเกษตรกรในพื้นที่ ให้งดการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง ประจำปี 2561/2562 เนื่องจากสถานการณ์น้ำต้นทุนคือเขื่อนอุบลรัตน์ มีปริมาณน้ำใช้การได้เพียง 279.19 ล้านลูกบาศก์เมตร ระบายน้ำออกวันละ 500,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ไม่เพียงพอที่จะสนับสนุนทำเกษตรกรรมทุกชนิด นอกเหนือจากการอุปโภค บริโภค การประปา และรักษาระบบนิเวศน์เท่านั้น
ทั้งนี้ได้ขอความร่วมมือจากองค์การบริหารส่วนตำบลทุกแห่ง ที่ดูแลสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าขนาดเล็ก ไม่สนับสนุนการสูบน้ำจากลำน้ำชีเพื่อการเกษตรกรรม ขอให้เกษตรกรงดการสั่งเมล็ดพันธุ์พืช ข้าว ลูกกุ้ง ลูกปลามาเพาะเลี้ยง เพื่อป้องกันผลผลิตเสียหายเนื่องจากขาดแคลนน้ำ
ข้อมูลข่าวจาก