จากกรณีที่ นางสาวปณิดา ยศปัญญา หรือน้องแบม นิสิตชั้นปีที่ 4 สาขาการพัฒนาชุมชน คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้ออกมาเปิดโปงขบวนการทุจริตเงินสงเคราะห์ผู้ยากไร้ ของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.ขอนแก่น กระทั่ง ป.ป.ท.เข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริง และพบการทุจริต ล่าสุด พบการกระทำทุจริตลามไป 44 จังหวัดทั่วประเทศ
โดยเมื่อวันที่ (12 มี.ค.) เป็นวันครบกำหนดการตรวจสอบข้อเท็จจริง การตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่ทางสภาคณาจารย์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ยื่นข้อเรียกร้องต่อมหาวิทยาลัยฯ ให้ตรวจสอบอาจารย์ที่เกี่ยวข้องในคณะฯ ทั้ง 6 ประเด็น แต่ได้มีการแจ้งเลื่อนนัดสื่อมวลชนออกไปเป็นวันนี้ (13 มี.ค.)
ผู้สื่อข่าวได้พากันเดินทางไปยังมหาวิทยาลัยมหาสารคาม เพื่อติดตามข่าวตั้งแต่ช่วงเช้าไม่มีวี่แววว่าจะมีการแถลงข่าวแต่อย่างใด จนล่วงเลยถึงเวลา 16.30 น. วันเดียวกันนี้ ศ.ดร.สัมพันธ์ ฤทธิเดช อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหว ออกมาให้ข่าวต่อสื่อมวลชนแต่อย่างใด
แต่ได้แจ้งผ่านเจ้าหน้าที่กองประชาสัมพันธ์และกิจการต่างประเทศ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ว่าจะไม่มีการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดยฝากข้อความมาว่า “การดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีของนิสิตกับอาจารย์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ตามที่เป็นข่าวแพร่หลายในสื่อต่างๆ มาแล้วนั้น ซึ่งมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในข้อดังกล่าวไปแล้วนั้น บัดนี้ คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ส่งผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงมายังมหาวิทยาลัยมหาสารคามแล้ว พร้อมทั้งได้มีการสั่งการในขั้นตอนต่อไป และได้รายงานผลการดำเนินการเบื้องต้นนี้ ไปยังเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา เพื่อทราบแล้ว”
ด้าน ผศ.ดร.วิรัติ ปานศิลา ประธานสภาคณาจารย์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม กล่าวว่า การที่อธิการบดีไม่ออกมาเปิดเผยผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อสาธารณชน ถือว่าไม่เป็นผลดีต่อทางมหาวิทยาลัยฯ หากออกมาเปิดเผยผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง ก็จะเป็นผลดีมากกว่าปกปิด ถึงแม้จะอ้างว่าได้ส่งเรื่องไปยังสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมการอุดมศึกษาแล้ว ซึ่งในเรื่องของการตรวจสอบ 6 ประเด็นที่ทางสภาคณาจารย์ได้ยื่นหนังสือถึงทางมหาวิทยาลัย ผลการสอบเป็นการบอกว่าเป็นการสรุปว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นจริงหรือไม่ แต่ไม่มีการตัดสินว่าใครผิดใครถูก
ส่วนประเด็นการฟาดหลัง หรือทุบหลัง ก็เกิดเหตุการณ์ขึ้นจริง เพียงแต่อีกฝ่ายบอกว่าฟาดหลัง แต่อีกฝ่ายบอกว่าแค่ลูบเบา ๆ ข้อเท็จจริงก็คือมีการสัมผัสกัน ซึ่งผลที่ออกมาอธิการบดีควรออกมาแถลงต่อสาธารณชนให้ทราบ ไม่น่านิ่งเฉย เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สังคมให้ความสนใจมาก มีผลกระทบต่ออาจารย์ ต่อมหาวิทยาลัยมาก ควรจะแถลงออกมาว่าเหตุการณ์เป็นมาอย่างไรอย่างตรงไปตรงมา
จากนั้นต้องรอหนังสือจากทางมหาวิทยาลัยฯ ตอบกลับมาที่สภาคณาจารย์เป็นลายลักษณ์อักษร และหลังจากที่สภาคณาจารย์ได้หนังสือมาแล้ว ก็จะมีการประชุมสภาคณาจารย์ และจะมีแถลงการณ์ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ทราบ แต่ต้องรอหนังสือมาถึงก่อน
ภาพและข้อมูลข่าวจาก