ไขความเชื่อ “ยกก้านปัดน้ำฝนขึ้น” ทำให้ใบปัดน้ำฝนเสื่อมช้าลงกว่าเดิมเวลาจอดรถตากแดด แท้จริงแล้วเกิดผลเสียมากกว่าผลดี ทำเสียเงินมากกว่าเดิม
เชื่อว่าหลายๆคนคงจะเคยสังเกตเห็นว่า ตามที่จอดรถมักจะมีผู้ที่นิยม “ยกก้านปัดน้ำฝนขึ้น” เพราะเข้าใจหรือมีความเชื่อว่าการทำแบบนี้จะช่วยให้ “ใบปัดน้ำฝนเสื่อมช้าลงกว่าเดิม” โดยอันที่จริงแล้ว ส่วนของ “ใบปัดน้ำฝน” นั้นทำมาจากยาง แต่ไม่ว่าจะคุณภาพดีแค่ไหน สุดท้ายก็ต้องเสื่อมจากความร้อนด้วยกันทั้งนั้น ทำให้การจะยกใบปัดขึ้นไม่ให้ถูกกระจกหรือจะไม่ยกเลยจึง “ไม่ต่างกัน” เพราะใบปัดน้ำฝนจะมีอายุประมาณหนึ่งปีเศษ ถ้าสังเกตเห็นว่า เริ่มปัดน้ำแล้วไม่เกลี้ยงสามารถเปลี่ยนใหม่ได้ทันที และปัจจุบันตามร้านต่างๆก็ราคาขายไม่แพง อยู่ที่หลักร้อยเท่านั้น ฉะนั้น ความคิดที่ว่า “ยกก้านปัดน้ำฝนขึ้นทำให้ใบปัดน้ำฝนเสื่อมช้าลงกว่าเดิม” นั้นเป็นความเชื่อที่ผิดครับ
นอกจากนี้ การยกขาก้านปัดค้างไว้นานๆ ยังส่งผลกระทบต่อสปริง ที่เหนี่ยวรั้งก้านใบปัดให้แนบชิดสนิทกับกระจก เพราะก้านเหล่านี้รับแรงมาจากลิงก์คันโยกและมอเตอร์ไฟฟ้า ถ้าสปริงเกิดล้า นอกจากทำให้ใบปัดไม่แนบชิดกับกระจกแล้ว เมื่อต้องเปลี่ยนอันใหม่ ก็มีราคาที่สูงกว่าใบปัดหลายเท่านัก
เทคนิคควรรู้
การเช็กว่า “ยางปัดน้ำฝนว่าเสื่อมสภาพหรือไม่” ไม่ได้ดูที่เนื้อยางฉีกขาดเท่านั้น แต่ต้องดูที่ความสามารถในการกวาดหยดน้ำที่ผิวกระจกออกไปอย่างเกลี้ยงหรือไม่ โดยวิธีใช้งานที่ถูกต้อง คือ “ห้ามใช้งานขณะกระจกแห้งเด็ดขาด!” เนื่องจากบางท่านก็มักจะใช้ปัดฝุ่นจากกระจก โดยปัด สัก 3-4 ครั้ง แต่การทำเช่นนี้จะทำให้ “คมยาง” สึกหรอจนหมดอายุ ทางที่ดีควรพึงระลึกไว้เสมอว่า “ก่อนจะปัดใบปัดน้ำฝน ต้องฉีดน้ำใส่กระจกก่อนเสมอ!”….
…………………………..
คอลัมน์ : รู้ก่อนเหยียบ
โดย “ช่างเอก”
ติดต่อสอบถามข้อมูลโดยตรงที่ changaek_106@hotmail.com
… อ่านต่อที่ : https://www.dailynews.co.th/article/791939