คณะกรรมการจัดระเบียรถตู้มีมติไม่ต่ออายุรถตู้ 1,800 คัน เพราะอายุรถครบ 10 ปี ส่อทำ 2,000 คนตกงาน ดีเดย์ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. นี้ เป็นต้นไป หากฝืนวิ่งต่อถือผิดกฎหมาย เจอโทษปรับอ่วม 2 แสน
เมื่อวันที่ 14 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีรายงานข่าวจากกรมการขนส่งทางบกแจ้งว่า เมื่อวันที่ 13 ก.ย. ที่ผ่านมา พ.อ.สมบัติ ธัญญะวัน รองผบ.พล.ม.2 รอ. เป็นประธาน คณะกรรมการจัดระเบียบรถตู้ ได้เชิญกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) และชมรมรถตู้โดยสารปรับอากาศร่วมบริการสาธารณะเข้าร่วมหารือ เพื่อพิจารณาข้อเสนอของชมรมรถตู้ ที่ขอให้ขบ.ขยายอายุรถตู้หมวด 1 ที่วิ่งในเขตกทม.เพิ่มอีก 5 ปี จนถึงปี 65, ขอให้การปรับเปลี่ยนรถตู้ เป็นรถไมโครบัส เป็นมาตราการโดยความสมัครใจ และขอปรับขึ้นค่าโดยสารอีก 5 บาท
ทั้งนี้ ภายหลังการหารือที่ประชุมมีมติไม่รับข้อเสนอทั้ง 3 ข้อ โดนเห็นว่าอายุรถที่ 10 ปี มีความเหมาะสม หากขยายเกิน 10 ปี อาจส่งผลกระทบเรื่องความปลอดภัยต่อผู้โดยสาร
“มติไม่ต่ออายุรถตู้ในกทม.จะทำให้รถตู้ 1,800 คัน จากทั้งหมดราว 6,000 คัน จะต้องหยุดวิ่ง ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. นี้ เป็นต้นไป เพราะอายุรถจะครบ 10 ปี ในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ซึ่งอาจจะกระทบต่อประชาชนที่ใช้บริการ เพราะหากวิ่งต่อไปจะถูกจับ เพราะปิดกฎหมาย มีโทษปรับตั้งแต่ 50,000-200,000 บาท”
ทั้งนี้ คณะกรรมการจัดระเบียบรถตู้ฯ จะให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ ด้วยการจัดเส้นทางใหม่ที่ไม่ทับซ้อนกับเส้นทางรถไฟฟ้าต่อไป
รายงานข่าวจากรมขนส่งทางบก กล่าวต่อถึงข้อเรียกร้องที่ขอให้การเปลี่ยนรถตู้เป็นรถโดยสารขนาดเล็กไม่เกิน 20 ที่นั่ง (มินิบัส) ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของผู้ประกอบการนั้น ที่ประชุมยืนยันให้รถตู้ทุกคันที่อายุครบ 10 ปี หลังจากวันที่ 1 ต.ค.60 ต้องเปลี่ยนเป็นไมโครบัสภายในเดือนก.ย.2562
นอกจากนี้ ที่ประชุมระบุว่า จะตั้งคณะกรรมการศึกษาค่าโดยสารรถตู้ด้วย หลังจากกลุ่มรถตู้อ้างว่ามีต้นทุนเพิ่มขึ้น และขอปรับขึ้นค่าโดยสารเฉลี่ย 5 บาท/เที่ยว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้กลุ่มรถตู้ประเมินว่า ถ้ารัฐบาลไม่ขยายอายุรถตู้ จะส่งผลให้ปี 2561 มีรถตู้ออกจากระบบ 1,800 คันและปี 2562 ทยอยหมดอายุอีก 1,519 คัน
สำหรับรถตู้ที่ต้องหยุดให้บริการ 1,800 คันในปีนี้ จะส่งผลกระทบให้คนขับรถมากกว่า 2,000 คนต้องตกงาน และผู้ประกอบการรถตู้ครึ่งหนึ่งคงเปลี่ยนไปทำอาชีพอื่นแทน เพราะยังประเมินผลกระทบจากโครงการรถไฟฟ้าไม่ได้ จึงไม่กล้าลงทุนซื้อรถใหม่
รายละเอียดข้อมูลข่าวจาก