ผู้ค้าน้ำมันเกรดพรีเมี่ยมงานเข้า ผู้บริโภคร้องตั้งราคาแพงเวอร์ ห่างจากราคาน้ำมันธรรมดาถึง 3-4บาท/ลิตร บางปั๊มถูกบีบให้เติมเฉพาะน้ำมันพรีเมี่ยม ไม่ขายน้ำมันพื้นฐาน ปตท.แย้งต้องมอง 2 ด้าน เหตุราคาแพงเพราะต้นทุน “สารเพิ่มประสิทธิภาพ”
ด้วย “ค่าการตลาดน้ำมัน (marketing margin)” ที่ค่อนข้างต่ำเฉลี่ยไม่เกิน 1.50-1.60 บาท/ลิตร ส่งผลให้ผู้ประกอบการค้าน้ำมันต้องหาวิธีเพิ่มรายได้ต่อหน่วยจากการจำหน่ายน้ำมันให้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การพัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำมันเกรดพิเศษหรือที่เรียกกันว่า “น้ำมันพรีเมี่ยม” เข้ามาทำตลาด โดยน้ำมันเกรดพรีเมี่ยมเหล่านี้สามารถตั้งราคาจำหน่ายที่ “แพงกว่า” น้ำมันปกติได้มากกว่า 3-4 บาท/ลิตร สร้างความสงสัยให้กับผู้บริโภคว่า ราคาน้ำมันเกรดพรีเมี่ยมที่เป็นธรรมนั้น ควรจะอยู่ที่ระดับราคาเท่าใด จนล่าสุดถึงกับมีการส่งหนังสือร้องเรียนไปยังกรมธุรกิจพลังงาน เพื่อให้เข้ามาตรวจสอบบริษัทที่จำหน่ายน้ำมันเกรดพรีเมี่ยมทั้งหมด
นายวิฑูรย์ กุลเจริญวิรัตน์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า หลังจากที่มีผู้ร้องเรียนผู้ประกอบการน้ำมันที่จำหน่ายน้ำมันเกรดพรีเมี่ยมใน 2 ประเด็นด้วยกันคือ ราคาจำหน่าย กับทางเลือกที่จะซื้อน้ำมันเกรดอื่นนอกเหนือไปจากเกรดพรีเมี่ยมในสถานีบริการน้ำมัน ทางกรมก็ได้ทำหนังสือไปยัง สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เพื่อหารือในประเด็นการตั้งราคาจำหน่ายน้ำมันเกรดพรีเมี่ยม จากปัจจุบันที่จำหน่าย “สูงกว่า” น้ำมันพื้นฐานถึง 3-4 บาท/ลิตรนั้น “เป็นการค้ากำไรเกินควรหรือไม่”
เนื่องจากกรมธุรกิจพลังงาน มีอำนาจหน้าที่เฉพาะการกำกับดูแลเรื่องพลังงานในแง่ของความมั่นคงตามพระราชบัญญัติน้ำมันเชื้อเพลิง ฉบับที่ใช้ในปัจจุบัน แต่กรมไม่มีอำนาจในการดูแลในเรื่องของ “ราคาจำหน่าย” จึงต้องสอบถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า มีความเห็นหรือจะดำเนินการดูแลความเหมาะสมของราคาน้ำมันพรีเมี่ยมได้อย่างไร ทั้งนี้หาก สคบ.ระบุว่า เป็นการค้ากำไรเกินควร ก็จะต้องเสนอแนวทางการกำกับดูแลราคาน้ำมันพรีเมี่ยมเพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) พิจารณาต่อไป
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้กรมธุรกิจพลังงานเคยหยิบยกประเด็นราคาน้ำมันพรีเมี่ยมที่ว่า “สูงเกินไปหรือไม่” เข้ามาหารือในคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) มาครั้งหนึ่งแล้ว แต่ กบง.ในขณะนั้นมีความเห็นว่า ธุรกิจน้ำมันเป็นตลาดเสรี ไม่ควรเข้าไปแทรกแซงราคาน้ำมัน ประกอบกับยังไม่มีผู้บริโภคร้องเรียนเข้ามา จึงไม่มีการพิจารณาประเด็นนี้ใน กบง. อย่างไรก็ตาม หากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) มีความเห็นว่า การตั้งราคาจำหน่ายน้ำมันเกรดพรีเมี่ยมเป็นการค้ากำไรเกินควรนั้น กรมก็อาจจะหยิบยกประเด็นเหล่านี้ขึ้นมาเพื่อเป็นแนวทางในการดูแลน้ำมันพรีเมี่ยมไม่ให้มีราคาสูงจนเกินไป โดยอาจจะ 1) จัดเก็บภาษีเพิ่มเติม กับ 2) เพิ่มการจัดเก็บเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง แต่วิธีดังกล่าวอาจจะทำให้ราคาน้ำมันพรีเมี่ยมมีราคาสูงขึ้นไปอีก จนสุดท้ายผู้บริโภคจะเลือกเติมน้ำมันพื้นฐานที่มีราคาถูกกว่า
“มีการร้องเรียนเข้ามาว่า มีบางปั๊มที่จำหน่ายเฉพาะน้ำมันพรีเมี่ยมที่มีราคาแพงอย่างเดียว ไม่มีน้ำมันเกรดพื้นฐานให้เป็นทางเลือก เหมือนถูกบีบให้ต้องเติมแต่น้ำมันพรีเมี่ยม ทั้ง ๆ ที่ควรมีตัวเลือกให้ผู้บริโภค ขณะที่กรมธุรกิจฯก็อยากเข้าไปดูแลราคาน้ำมันโดยตรง แต่เมื่อเป็นธุรกิจเสรี เราเข้าไปสั่งผู้ค้าว่า อย่าขายแพงก็ไม่ได้ แต่จริง ๆ ราคาพรีเมี่ยมก็ไม่ควรแพงเกินไป เอาเข้าจริง ๆก็ไม่มีใครรู้ว่า ต้นทุนน้ำมันพรีเมี่ยมเป็นเท่าไร” นายวิฑูรย์กล่าว
ล่าสุด กรมธุรกิจพลังงาน ได้สอบถามไปยังผู้ค้าน้ำมันทุกรายถึงจำนวนสถานีบริการที่จำหน่ายน้ำมันเกรดพรีเมี่ยม ปรากฏมีเพียงบริษัทเอสโซ่ (ประเทศไทย) รายงานเข้ามาว่า บริษัทมีสถานีบริการน้ำมันรวม 542 แห่ง มีการจำหน่ายน้ำมันเกรดพรีเมี่ยม 91 แห่ง โดยมีสถานีบริการจำหน่ายน้ำมันเฉพาะเกรดพรีเมี่ยมอย่างเดียว 26 แห่ง และสถานีบริการที่จำหน่ายทั้งน้ำมันพรีเมี่ยมและน้ำมันพื้นฐาน 65 แห่ง ส่วนที่เหลือจำหน่ายน้ำมันพื้นฐานเป็นหลัก
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” ได้สอบถามไปยัง สคบ. ได้คำตอบว่า “อำนาจหน้าที่ในการดูแลราคาน้ำมันเป็นของกระทรวงพลังงาน ไม่ใช่หน้าที่ของ สคบ.”
ด้านนายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย และรักษาการแทนรองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารกลยุทธ์กลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เรื่องนี้ควรมองเป็น 2 ประเด็นคือ 1) น้ำมันพรีเมี่ยมเป็นทางเลือกให้ผู้บริโภค กับ 2) เหตุผลที่ราคาน้ำมันพรีเมี่ยม “แพงกว่า” น้ำมันปกติ เป็นเพราะมีต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ ส่วนที่เป็นสารเพิ่มประสิทธิภาพ (additives) รวมถึงการผลิตภายใต้มาตรฐานน้ำมันยูโร 5 ที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ปริมาณการจำหน่ายน้ำมันพรีเมี่ยมค่อนข้างน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับน้ำมันพื้นฐาน และเมื่อประเมินต้นทุนเหล่านี้ ทำให้ “น้ำมันพรีเมี่ยมของ ปตท.จึงมีราคาจำหน่ายสูงกว่าน้ำมันปกติที่ 3 บาท/ลิตร”
ปัจจุบันมีสถานบริการที่จำหน่ายน้ำมันพรีเมี่ยม 656 แห่ง มียอดขายเพียง 8 ล้านลิตร/เดือน เมื่อเทียบกับการจำหน่ายน้ำมันดีเซลที่ 600 ล้านลิตร/เดือน ถือว่า “น้อยมาก”
นายมงคลนิมิต เอื้อเชิดกุล กรรมการและผู้จัดการฝ่ายกิจกรรมองค์กรและรัฐกิจสัมพันธ์ บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคมากกว่า “ไม่ได้บังคับ” ให้ซื้อ ที่สำคัญ สถานีบริการของบริษัทเอสโซ่ส่วนใหญ่ก็มีทั้งน้ำมันเกรดพรีเมี่ยม และน้ำมันพื้นฐานให้บริการไปพร้อม ๆ กันด้วย
ขณะที่บริษัท เชลล์ แห่งประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า เชลล์มีสถานีบริการทั่วประเทศรวม 507 แห่ง แต่มีสถานีบริการน้ำมันเพียง 2 แห่งเท่านั้นที่จำหน่ายเฉพาะน้ำมันเกรดพรีเมี่ยม คือ ที่ถนนอโศกและถนนพระราม 9 และส่วนที่เหลือจำหน่ายทั้งน้ำมันพรีเมี่ยมและน้ำมันพื้นฐานรวมกันไป
ข้อมูลจาก:ประชาชาติ