นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีทุจริตโครงการอาหารกลางวันของนักเรียนทั้งที่ จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.ขอนแก่น ว่า
เรื่องดังกล่าวมีหลายประเด็น แต่ประเด็นสำคัญที่ตนไม่ชอบและถือว่าผิดทั้งกฎหมายและจริยธรรม คือ การโกงเงินเด็ก ซึ่งเมื่อเช้าวันเดียวกันนี้ตนได้ให้ทีมกฎหมายเข้าไปตรวจสอบว่าสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จัดซื้อจัดจ้างโครงการอาหารกลางวันอย่างไร เพราะตนอยากทราบว่ามีระเบียบปฏิบัติหรือไม่ เช่น กรณี จ.สุราษฎร์ธานี ที่ถือเงินไปซื้อเอง ตรงนี้ทำได้หรือไม่ และกรณี จ.ขอนแก่น ที่ใช้การเสนอราคาด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์(อีบิดดิ้ง) ซึ่งตนและนักกฎหมายก็มีคำถามว่า ถ้าใช้ระบบอีบิดบิ้งต้องมีระบบตรวจรับทุกวันหรือไม่ และใครเป็นคนดำเนินการ จะให้พ่อค้าแม่ค้าที่ขายของเป็นคนดำเนินการหรือ ซึ่งตรงนี้ต้องไปดูว่าทุกอย่างดำเนินการถูกต้องหรือไม่ ส่วนประเด็นที่บอกว่าโครงการอาหารกลางวันจัดสรรให้เด็กรายละ 20 บาทเพียงพอหรือไม่นั้น ตนยืนยันว่าเท่าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่าโรงเรียนส่วนใหญ่เพียงพอ ถ้าไม่โกงก็เพียงพอ ทั้งนี้ ถึงเวลาที่จะต้องจัดการทุกอย่างให้เด็ดขาด ตนเอาจริงเอาจัง ซึ่งตนได้สั่งให้ทีมที่ปรึกษาลงพื้นที่ไปตรวจสอบแล้วและให้รายงานผลกลับมาเป็นระยะ ซึ่งเมื่อวันที่ 18 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้เรียกเลขาธิการสพฐ.เข้ามาชี้แจงรายละเอียด ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกิดในรัฐบาลยุคนี้ แต่เกิดมานานแล้ว เรามาเอาจริงเอาจังและเปิดโปงในยุคนี้ ซึ่งเรื่องดังกล่าวนายกรัฐมนตรีได้คาดโทษผู้อำนวยการเขตไว้แล้วตั้งแต่การประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)เมื่อ 2 ครั้งที่ผ่านมา
เมื่อถามว่าจะมีการสุ่มตรวจโรงเรียนหรือไม่ นพ.ธีระเกียรติกล่าวว่า ตอนนี้ส่งทีมกฎหมายและที่ปรึกษาลงพื้นที่สุ่มตรวจอยู่แล้วและให้รายงานมาเป็นระยะ ซึ่งมีเรื่องอื่นอีก ไม่ใช่เฉพาะเรื่องนี้เรื่องเดียว และถึงไม่สุ่มตรวจ ผู้ปกครองและครูก็รายงานเข้ามาอยู่แล้วเพราะในยุคนี้ หากมีอะไรที่ไม่สุจริตก็จะมีการถ่ายรูปและโพสต์ในโซเชียลอยู่แล้ว ฉะนั้น คนที่คิดจะทำเรื่องไม่สุจริตก็จะถูกจับได้ง่าย อย่างไรก็ตาม หากพบในพื้นที่ใดพบว่ามีการทุจริต จะโดนสั่งย้ายทันที
เมื่อถามว่า ความสัมพันธ์กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นอย่างไรหลังจากที่เคยวิจารณ์ประเด็นเรื่องนาฬิกาหรู นพ.ธีระเกียรติกล่าวว่า ตนกับพล.อ.ประวิตรไม่มีอะไร ยังพูดคุยทักทานกันดี ท่านยังแนะนำและให้กำลังใจตนในการแก้ปัญหาการทุจริตในกระทรวงศึกษาธิการ
“ ผมอยากให้สังคมรับรู้ เพราะเรื่องนี้ผมก็รับไม่ได้ที่โกงเงินเด็ก กระทรวงศึกษาธิการเป็นกระทรวงที่มีครูบาอาจารย์ ต้องเป็นตัวอย่าง ตั้งแต่ผมเข้ามาทำงานวันแรก ผมเคยบอกว่าอย่าขโมยเงินเด็ก แล้วก็มีการทำกันจริงๆ เราจึงต้องมาล้างบางกัน และเรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาในเชิงระบบ ไม่ใช่เรื่องของเงินที่ไม่พอ รัฐบาลในทุกยุคทุกสมัยก็ดูแลเด็กดี แต่เป็นเรื่องของคนที่หาผลประโยชน์เล็กๆน้อยๆหรือเป็นจำนวนมากกับเด็ก ส่วนผลโพลที่ออกมาบอกว่ายุคนี้โกงกันสารพัด ผมไม่อยากให้ไปบิดเบือนและมองว่ายุคนี้มีแต่โกง แต่ยุคนี้จับโกงได้และเอาจริงเอาจัง ไปดูเรื่องอาหารกลางวันที่จ.สุราษฎร์ธานีที่โกงกันทำมากี่ปีแล้ว สุดท้ายนี้ ผมฝากเตือนและอยากบอกว่าหลังจากที่เราเอาจริงและผมทำงานตรงไปตรงมา ก็มีขบวนการปล่อยข่าวว่าผมสร้างความกลัวให้กับข้าราชการ ผมว่ามันเลอะเทอะ คนทุจริตเท่านั้นที่กลัว คนสุจริตไม่ต้องกลัว ฉะนั้น อย่ามาเคลื่อนไหวกดดันให้เป็นประเด็นทางการเมืองหรือสังคม เพราะประชาชนไม่เอาด้วย ” นพ.ธีระเกียรติกล่าว
ที่มา: