นายศรพล ตุลยะเสถียร ผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า สศค. ทำการรวบรวมข้อมูลและศึกษาผลกระทบจากการเปิดใช้ปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอในอนาคต โดยพบว่าจะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยและกลุ่มอาเซียนอย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มแรงงานทักษะต่ำในอาเซียนที่คาดว่าในอีก 20 ปีข้างหน้า มีความเสี่ยงที่จะตกงานมากถึง 140 ล้านคน ขณะที่แรงงานของไทยมีสัดส่วน 44% ของกำลังแรงงานรวม มีความเสี่ยงสูงที่จะตกงาน โดยเฉพาะในสาขาอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน เพราะจะถูกเอไอเข้ามาแทนที่
นอกจากนี้ ยังได้ประเมิน 10 อาชีพที่จะถูกเทคโนโลยีเอไอเข้ามาแย่งอาชีพ ประกอบด้วย อาชีพนักพัฒนาเว็บไซต์ นักการตลาดออนไลน์ ผู้ดูแลออฟฟิศ นักบัญชี ฝ่ายทรัพยากรบุคคล นักข่าว บรรณาธิการ นักกฎหมาย แพทย์ และจิตแพทย์ โดยการศึกษาผลกระทบครั้งนี้ สศค. รวบรวมข้อมูลจากบริษัทเอคเซนเชอร์ ที่ปรึกษาด้านไอที ของกลุ่มแอปเปิล และองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ของสหประชาชาติ
สำหรับระบบปัญหาประดิษฐ์หรือเอไอ ได้ถูกสร้างขึ้นมาจากสิ่งที่ไม่มีชีวิต โดยมีการรวบรวมและจัดใส่ข้อมูลซอฟแวร์หลากหลายระบบ เพื่อพัฒนาให้สามารถคิดและทำงานในด้านต่างๆ ได้คล้ายมนุษย์ ทั้งการตัดสินใจ การแก้ปัญหา และการเรียนรู้ อาทิ ระบบนำทางรถยนต์ไร้คนขับ หุ่นยนต์คล้านมนุษย์ช่วยงาน เป็นต้น ซึ่งที่ผ่านมาประเทศไทยก็เริ่มมีการนำระบบเอไอมาใช้ในการติดตาม และวิเคราะห์ราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แล้ว
“ขณะนี้ สศค. มีการจัดทำข้อมูลเศรษฐกิจแนวใหม่ให้มีความสอดคล้องกับสภาพสังคมและสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไป เพื่อต้องการเผยแพร่ให้เกิดการรับรู้และการปรับตัวก้าวให้ทันโลก ไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหาการปรับตัวได้ในอนาคต นอกจากนี้ สศค. ยังได้มีการศึกษาและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับกีฬา อีสปอร์ต หรือการเล่นเกมออนไลน์ ซึ่งกำลังได้รับความนิยมอย่างมาก โดยประเมินว่า จะมีมูลค่าทางการตลาดเพิ่มขึ้นจาก 22,968 ล้านบาท เป็น 49,104 ล้านบาทในปี 2563 และมีผู้ชมเพิ่มขึ้นจาก 385 ล้านคน เป็น 589 ล้านคน”
ข้อมูลจาก: ข่าวสด