<h3>ผู้สื่อข่าวรายงาน เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สมาคมการค้านวัตกรรมเพื่อการเกษตรไทย สมาคมคนไทยธุรกิจเกษตร สมาคมอารักขาพืชไทย พร้อมเกษตรกรรวมตัวกัน จำนวนกว่า 4,000 คน เข้ายื่นหนังสือต่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อทวงสิทธิ์ประชาพิจารณ์จากผลที่มีเสียงส่วนใหญ่คัดค้านการแบน 3 สารเคมีเกษตร โดยมีใจความดังต่อไปนี้</h3> <h3><!--more--></h3> <h3>ตามที่คณะกรรมการวัตถุอันตราย มีมติเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2562 ให้ยกเลิกการใช้พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซต ในภาคเกษตร โดยให้มีผลบังคับใช้วันที่ 1 ธันวาคม 2562 เป็นต้นไปนั้น สมาคมคนไทยธุรกิจเกษตร สมาคมอารักพืชไทย และสมาคมการค้านวัตกรรมเพื่อการเกษตรไทย ซึ่งมีสมาชิกเป็นเกษตรกร นักวิชาการ และผู้ประกอบการทั่วประเทศ ขอคัดค้านการยกเลิกการใช้สารทั้ง 3 ชนิด ด้วยเหตุผลสำคัญดังต่อไปนี้</h3> <h3><span style="color: #003366;">1.การลงมติของคณะกรรมการวัตถุอันตราย เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2562 มิได้มีการพิจารณาข้อมูลหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใหม่ และมิได้มีการพิจาณาถึงผลกระทบต่อเกษตรกรและเศรษฐกิจของประเทศแต่อย่างใด</span></h3> <h3><span style="color: #003366;">2.ผลการรับฟังความเห็นจากประชาชนต่อร่างประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่องบัญชีรายชื่อวัตถุอันตรายประเภทที่ 4 สิ้นสุดการรับฟังเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2562 มีผู้ไม่เห็นด้วยต่อการยกเลิกการใช้สารทั้ง 3 ชนิดถึงมากกว่า 70%</span></h3> <h3><span style="color: #003366;">3.จนถึงขณะนี้คณะกรรมการวัตถุอันตราย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ยังมิได้มีมาตรการรองรับผลกระทบจากการยกเลิก ต่อเกษตรกร อุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร และตลอดจนผู้บริโภค ที่จะได้รับผลกระทบอย่างหนัก แต่อย่างใด</span></h3> <h3><span style="color: #003366;">4.การยกเลิกการใช้สารทั้ง 3 ชนิดอย่างเร่งรีบและไม่มีมาตรการรองรับ ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ปี พ.ศ.2560 มาตรา 73 เนื่องจากการยกเลิกส่งผลกระทบทำให้เกษตรกรจำนวนมากกว่า 2 ล้านครัวเรือน ไม่สามารถแข่งขันในตลาดได้ จากการที่ผลผลิตในประเทศลดลง 20-30% ในขณะที่ต้นทุนเกษตรกรเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า</span></h3> <h3><span style="color: #003366;">5.การยกเลิกการใช้สารทั้ง 3 ชนิดอย่างเร่งรีบและไม่มีมาตรการรองรับ ยังส่งผลกระทบต่อเนื่องถึงอุตสาหกรรมอาหารและอาหารสัตว์ ที่นอกจากจะประสบภาวะขาดแคลนวัตถุดิบจากการที่ผลผลิตในประเทศลดลงแล้ว ยังไม่สามารถนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ เนื่องจากเงื่อนไขในประกาศกระทรวงสาธารณสุข เลขที่ 387 พ.ศ. 2560 อันจะนำไปสู่วิกฤตการขาดแคลนอาหารทั้งในประเทศและเพื่อการส่งออก สร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ คิดเป็นมูลค่ามากกว่า 1.7 ล้านล้านบาท และการจ้างงานในอุตสาหกรรมเกษตรและอาหารจำนวนกว่า 12 ล้านคน</span></h3> <img class=" wp-image-13981 aligncenter" src="https://katipnews.com/wp-content/uploads/2019/11/S__74711220-400x300.jpg" alt="" width="539" height="404" /> <h3>ทั้งนี้ เพื่อเป็นการป้องกันและแก้ไขผลกระทบดังกล่าวข้างต้น สมาคมคนไทยธุรกิจเกษตร สมาคมอารักพืชไทย และสมาคมการค้านวัตกรรมเพื่อการเกษตรไทย จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการดังต่อไปนี้</h3> <h3><span style="color: #003366;">1.ยุติการยกเลิกสารทั้ง 3 ชนิด จนกว่าจะมีผลการศึกษาทบทวนข้อมูลหลักฐานทางวิทยาศาสตร์และผลกระทบทางเศรษฐกิจ อย่างถี่ถ้วน รอบด้าน และเปิดเผยให้ประชาชนรับทราบผลการศึกษาอย่างชัดเจน</span></h3> <h3><span style="color: #003366;">2.ให้บังคับใช้มาตรการจำกัดการใช้ ตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในระหว่างการศึกษาทบทวน เพื่อส่งเสริมการใช้สารเคมีเกษตรอย่างถูกต้องและปลอดภัย ภายใต้แนวทางของเกษตรปลอดภัย (GAP)</span></h3> <h3>ดังนั้นทั้งสามสมาคมฯ จึงได้มายื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อให้มีการพิจารณาทบทวนมติดังกล่าวโดยรอบคอบและหาทางออกที่ดีที่สุด ที่จะไม่ส่งผลกระทบต่อเกษตรกร ภาคเกษตรอุตสาหกรรม และเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ หากจะมีการยกเลิกสามสารดังกล่าว ต้องมีคำตอบเรื่องสารทดแทนที่ดีกว่าหรือเทียบเท่า ทั้งในด้านความปลอดภัย ประสิทธิภาพ รวมถึงความคุ้มค่าในเรื่องต้นทุนเกษตรกร รวมถึงแนวทางและมาตราการรองรับต่อผลกระทบต่อภาคส่วนอื่นในทุกมิติในรอบด้าน ก่อนมีการดำเนินการใด ๆ</h3> <img class=" wp-image-13982 aligncenter" src="https://katipnews.com/wp-content/uploads/2019/11/S__74711221-400x300.jpg" alt="" width="660" height="495" /> <h3>ทั้งนี้การจัดการศัตรูพืชโดยการใช้สารยังคงมีความจำเป็นสำหรับเกษตรกร การยับยั้งภาคการผลิตและส่งออกพืชเศรษฐกิจที่มีความจำเป็นต้องใช้สารดังกล่าว จะสร้างให้เกิดความเสียหายโดยไม่จำเป็น ผลกระทบที่เกิดขึ้นอาจทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบทางการแข่งขันต่อประเทศคู่แข่งรายอื่น ๆ ที่สามารถพัฒนาขีดความสามารถและศักยภาพในการแข่งขันด้านการผลิตและการตลาด</h3> <h3>ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 13.30-15.00 น. เดินทางไปยังกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อยื่นหนังสือ ข้อเรียกร้องต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการวัตถุอันตราย เพื่อขอให้ในวันพรุ่งนี้ (27 พ.ย.62) ยกเลิกมติแบน หรือชะลอมติดังกล่าวด้วย</h3> <h3>ข้อมูลข่าวจาก <a href="https://www.prachachat.net/economy/news-395201"><img class="alignnone wp-image-8765" src="https://katipnews.com/wp-content/uploads/2018/09/Prachachart_Business-400x164.png" alt="" width="122" height="50" /></a></h3>