<h3>เมื่อวันที่18 มิ.ย.นายวิชัยโภชนกิจอธิบดีกรมการค้าภายในกล่าวภายหลังประชุมชี้แจงและทำความเข้าใจหลังออกประกาศตามมติคณะกรรมการว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ(กกร.) เห็นชอบให้นำยารักษาโรคเวชภัณฑ์ค่าบริการรักษาพยาบาลเข้าอยู่ในบัญชีควบคุมโดยผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่30 พ.ค.2562 ซึ่งมีโรงพยาบาลเอกชนกว่า300 แห่งจากที่ได้ทำหนังสือเชิญ353 แห่งเข้าฟังที่กระทรวงพาณิชย์ว่า</h3> <h3><!--more--></h3> <h3>เป็นการชี้แจงครั้งแรกหลังออกประกาศฯให้โรงพยาบาลเอกชนได้รับรู้ว่าต้องทำอะไรสร้างความเข้าใจและเป็นธรรมระหว่างกันซึ่งเน้นย้ำในประเด็นทุกโรงพยาบาลต้องแจ้งรายละเอียดราคาซื้อและจำหน่ายยาในกลุ่มบัญชีเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤตและรายการยาที่มีการจำหน่ายสูงสุดรวม3,992 รายการมายังกรมฯภายใน45 วันนับจากออกประกาศหรือไม่เกินวันที่12 ก.ค.นี้</h3> <h3>ส่วนราคาเวชภัณฑ์868 รายการและค่าบริการอีก5,286 รายการให้แจ้งภายใน22 กรกฎาคมโดยกรมฯจะนำมาประมวลกับข้อมูลรอบด้านกับบัญชียาของกรมบัญชีกลางเป็นต้นและตรวจสอบว่าราคายาที่แต่ละโรงพยาบาลคิดกับคนป่วยนั้นเหมาะสมและไม่ค้ากำไรเกินควร</h3> <h3>จากนั้นจะส่งราคาจำหน่ายถึงผู้ป่วยที่เหมาะสมในยาแต่ละชนิดว่าไม่ควรจะเกินเท่าไหร่จากนั้นจะนำข้อมูลขึ้นเว็บไซต์กรมฯและให้ทุกโรงพยาบาลทำคิวอาร์โค้ดให้ผู้ป่วยได้รับทราบว่าการเข้ารักษาในโรงพยาบาลต้องมีค่าใช้จ่ายเรื่องยาค่าบริการเท่าไหร่เพื่อเป็นทางเลือกให้ประชาชนโดยจะสามารถเช็คได้ตั้งแต่วันที่29 ก.ค.</h3> <h3>และในสัปดาห์นี้จะหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.) ดูแลเรื่องการปรับโครงสร้างเบี้ยประกันชีวิตและสุขภาพการเรียกสินไหมทดแทนให้สอดคล้องกับโครงสร้างราคายาที่เปลี่ยนไป</h3> <img class=" wp-image-12254 aligncenter" src="https://katipnews.com/wp-content/uploads/2019/06/53B0DA56-537A-40DD-900A-9BFFD611B872-696x464-400x267.jpg" alt="" width="670" height="447" /> <h3>อธิบดีกรมการค้าภายในกล่าวต่อว่าพร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ทุกโรงพยาบาลออกใบสั่งยาที่ระบุว่าเป็นโรคอะไรรายละเอียดของยาและราคายาที่ผู้ป่วยที่เข้ารักษาต้องจ่ายเป็นเท่าไหร่เพื่อให้ผู้ป่วยมาทางเลือกหากต้องการซื้อยานอกโรงพยาบาลและหากเปลี่ยนแปลงราคายาราคาเวชภัณฑ์หรือค่าบริการสำหรับรายการที่แจ้งราคาไว้กรมฯล่วงหน้าก่อนเปลี่ยนแปลงราคา15 วันหากไม่มีการแจ้งถือว่าผิดกฎกหมายขายเกินราคามีโทษจำคุกไม่เกิน7 ปีปรับไม่เกิน1.4 แสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ</h3> <h3>“เชื่อว่าหลังวันที่12 ก.ค. การเก็บค่ายาค่ารักษาเกินพอดีจะไม่มีแล้วส่วนเรื่องร้องเรียนยังมีประปรายอาจเพราะต้องรอดูหลังมีผลใช้จริงซึ่งหากมีผู้ป่วยร้องเรียนจากนี้ก็จะนำเข้าคณะกรรมการดูแลเรื่องนี้โดยตรงพิจารณาเป็นกรณีๆหากพบพฤติกรรมผิดจริงก็จะส่งดำเนินคดีตามกฎหมายวันนี้กำชับว่าโรงพยาบาลไม่ควรตรวจผู้ป่วยเกินจริงจนค่าใช้จ่ายบวมอย่างกรณีแค่ปวดท้องแต่เก็บหลายหมื่นบาท”อธิบดีกรมการค้าภายในกล่าว</h3> <h3>นายวิชัยกล่าวอีกว่าส่วนที่อาจมีบางโรงพยาบาลยังไม่ปรับราคาใกล้เคียงกับราคาที่กรมฯพิจารณาก็จะเชิญมาสอบถามและขอความร่วมมือแต่หากยังฝ่าฝืนก็จะเพิ่มมาตรการกำหนดเพดานกำไรขั้นสูงและราคาจำหน่ายสูงสุดเพื่อให้โรงพยาบาลเก็บราคาจนเกินจริง ซึ่งจะเป็นมาตรการสุดท้ายที่จะใช้อยากยังคงเก็บค่ายาค่ารักษาแพงเป็นร้อยเป็นพันเปอร์เซ็นต์ที่จะมีโทษตามกำหนดทั้งจำคุกและปรับอย่างไรก็ตามเชื่อว่าทุกโรงพยาบาลจะให้ความร่วมมือกับแนวทางดูแลปัญหาลดความเดือดร้อนจากเก็บค่ายาค่ารักษาแพงเกินจริง</h3> <h3>นายวิชัยกล่าวสำหรับแนวคิดทำโครงการโรงพยาบาลธงฟ้านั้นยังไม่ได้ข้อสรุปว่ารูปแบบจะเป็นอย่างไรต้องรับฟังทุกฝ่ายก่อนเบื้องต้นอาจ</h3> <h3>ใช้การจัดเกรดเหมือนโรงแรมแล้วติดดาวแทนอย่างโรงพยาบาล5 ดาวโรงพยาบาล4 ดาวเป็นต้น</h3> <h3></h3> <h3>ที่มา : ข่าวสด</h3>