ในเรื่องของการแพ้อาหาร ยังมีคนส่วนหนึ่งใช้วิธีการทดลองทานเพื่อทดสอบอาการแพ้อยู่ โดยหารู้ไม่ว่าวิธีดังกล่าวอันตรายกว่าที่ใครหลายคนคิด วันนี้เราก็มีข้อมูลเกี่ยวกับการแพ้อาหารมาฝากเพื่อทำการศึกษาร่วมกัน
โดยปกติแล้วอาการแพ้อาหารสามารถรับรู้ได้ด้วยการทาน ซึ่งเป็นวิธีพื้นฐานในการทดสอบอาหารแพ้ แต่ถ้าหากเคยมีอาการแพ้ต่ออาหารชนิดใดชนิดหนึ่งอยู่แล้ว ไม่ควรทานซ้ำอย่างเด็ดขาด เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้ เนื่องจากอาการแพ้ในแต่ละคนไม่เท่ากัน บางรายมีอาการแพ้เพียงเล็กน้อย แต่บางรายอาจมีอาการแพ้รุนแรง ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต
นอกเหนือจากการทานแล้ว ก็ยังมีวิธีอื่นๆ อีกเพื่อทดสอบอาการแพ้อาหาร ได้แก่ การตรวจเลือด เพื่อดูระดับสารภูมิคุ้มกันต่ออาหารชนิดนั้นๆ หรือการตรวจทางผิวหนัง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการตรวจรูปแบบนี้อาจเป็นเพียงหลักฐานประกอบการวินิจฉัยเท่านั้น ช่วยพยากรณ์ได้ในระดับหนึ่ง แต่ถึงอย่างไรการทานก็ยังเป็นวิธีการตรวจที่มาตรฐานที่สุด ถ้าหากในกรณีที่เคยมีอาการแพ้รุนแรงหรือมีความทรงจำที่ไม่ดีเกี่ยวกับการแพ้ การตรวจด้วยวิธีนี้ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ เพราะถ้าหากลองทานอาหารเพื่อทดสอบอาการแพ้ด้วยตนเองโดยไม่มีแพทย์ดูแลอาจมีอาการแพ้รุนแรงจนช็อคและเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
สาเหตุของการแพ้อาหาร ปัจจัยหลักคือพันธุกรรม หากพบว่าครอบครัวไหนมีสมาชิกที่มีอาการแพ้อาหาร เด็กที่เกิดมาในครอบครัวนั้นมีความเสี่ยงอยู่ที่จะแพ้อาหารชนิดเดียวกันกับคนในครอบครัว ซึ่งอาการแพ้อาหารยังทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ได้ด้วย เช่น แพ้อากาศ หอบหืด ลมพิษ ผื่นผิวหนัง เป็นต้น ในเด็กที่มีความเสี่ยงอยู่แล้ว ควรเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างน้อย 6 เดือน เพื่อสร้างภูมิต้านทาน ช่วยป้องกันอาการแพ้อาหารในเด็กได้ในระดับหนึ่งหรือไม่ทำให้เป็นโรคนี้มากขึ้นไปจนถึงโรคภูมิแพ้ในทางเดินหายใจ
อาการแพ้อาหารที่พบบ่อยคือการเกิดผื่นหรือเป็นลมพิษ อาจเป็นที่ใบหน้าหรือตามตัว ระดับการเกิดมากหรือน้อยแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล หากเกิดในระบบทางเดินหายใจ อาการแสดงคือหายใจลำบาก หากเกิดในระบบทางเดินอาหาร อาการแสดงคืออาเจียน ถ่ายเหลว หรือถ่ายเป็นมูกเลือด เป็นต้น
ระยะเวลาในการเกิดอาการแพ้หลังร่างกายได้รับสารเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับบุคคลและระดับอาการ หากมีอาการแพ้รุนแรงจะเกิดภายในระยะเวลาที่ค่อนข้างรวดเร็ว โดยอาการแพ้จะแสดงผลได้ตั้งแต่ระยะเวลาเป็นนาทีหรือเป็นชั่วโมง แต่ส่วนมากจะเกิดภายในระยะเวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง
อาการแพ้อาหารนอกจากจะเกิดกับคนที่เป็นแต่กำเนิดแล้ว ยังพบว่าบางรายมีอาการแพ้อาหารชนิดหนึ่งตอนโต ซึ่งในตอนเด็กๆ ไม่เคยแพ้อาการชนิดนั้นมาก่อน สาเหตุเป็นเพราะก่อนเกิดอาการแพ้เคยทานสิ่งนั้นมา แล้วไปกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิแพ้ ที่เราเรียกว่า IgE ร่างกายจะรับรู้ว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งแปลกปลอมและสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมา เพื่อรับเข้าไปในปริมาณมากจนถึงวันหนึ่งก็สามารถแสดงอาการแพ้ออกมาได้
อาการแพ้อาหารถือเป็นหนึ่งในอาการที่ไม่พึงประสงค์จากอาหาร แต่บางอย่างที่ร่างกายแสดงออกว่าไม่พึงประสงค์กับอาหารก็อาจไม่ใช่อาการแพ้อาหาร เช่น ในคนอายุ 32 ปี ดื่มนมทีไรก็มีอาการท้องเสียทุกที อาจเป็นเพราะร่างกายไม่ค่อยดื่มนม เมื่อดื่มเข้าไปแล้วเอนไซม์ที่ใช้ในการย่อยน้ำตาลแลคโทสมีปริมาณน้อยลงจนไม่สามารถย่อยน้ำตาลชนิดนี้ได้ จึงทำให้คลื่นไส้ อาเจียน หรือท้องเสีย เป็นต้น ซึ่งอาการดังกล่าวไม่ใช่อาการแพ้อาหาร แนะนำว่าถ้าหากเกิดอาการแบบนี้ทุกครั้งที่ดื่มนม ให้ดื่มทีละน้อยในภายหลัง ก็จะไม่ทำให้เกิดอาการที่ไม่พึงประสงค์จากอาหาร นอกจากนี้ก็ยังมีอีกหนึ่งอาการที่ไม่พึงประสงค์จากอาหาร นั่นก็คือการได้รับสารพิษในอาหาร ที่ทำให้ร่างกายมีความผิดปกติ แต่ไม่เกี่ยวข้องกับการแพ้อาหารแต่อย่างใด
อาการที่ไม่พึงประสงค์จากอาหาร (Adverse food reaction : AFR)
1.เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน แบ่งเป็น 2 กลุ่มย่อย
IgE mediated reaction เช่น อาการแพ้ไข่ นม แป้งสาลี อาหารทะเล มักจะเกิดเร็วหลังรับประทานอาหาร
Non IgE mediated reaction ส่วนใหญ่จะเกิดช้า
2.Food intolerances ไม่เกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน
Toxic reaction เช่น อาหารเป็นพิษ หรือได้รับพิษจากปลา เช่น ผู้ป่วยไม่สามารถย่อยแลคโทส เพราะขาดเอนไซม์แลคเทส (lactose intolerances)
ในคนที่อาการแพ้อาหารวิธีการป้องกันการเกิดอาการแพ้คือหลีกเลี่ยงการทานอาหารชนิดนั้นๆ ไปเลย หากมั่นใจแล้วว่าร่างกายแพ้อาหารชนิดนั้นอย่างแน่นอน ในบางรายพบว่ายังฝืนทานอาหารที่ตัวเองแพ้และใช้ยาแก้แพ้เป็นตัวช่วยอยู่ นั่นเป็นวิธีที่ไม่เหมาะสม เพราะมีความเสี่ยงที่จะนำไปสู่อาการแพ้รุนแรงได้ ในกรณีที่ยาแก้แพ้ออกฤทธิ์ได้ไม่ทันการ และถึงแม้การแสดงอาการแพ้ที่ผ่านมาจะไม่รุนแรง แต่ในภายหลังก็มีโอกาสที่ร่างกายอาจแพ้รุนแรงและมีอันตรายถึงชีวิตได้
สุดท้ายนี้ฝากไว้สำหรับเด็กที่กำลังจะเกิดใหม่และมีความเสี่ยง คุณแม่ควรให้ลูกดื่มนมแม่อย่างน้อย 6 เดือนหรือมากกว่านั้น ยิ่งให้นมแม่แก่เด็กนานเท่าไร ยิ่งเป็นผลดีมากเท่านั้น เพื่อป้องกันอาการแพ้ไม่ให้รุนแรงขึ้นหรือนำไปสู่โรคภูมิแพ้ในทางเดินหายใจ ซึ่งเป็นโรคที่รักษาได้ยาก และส่งผลต่อคุณภาพชีวิตเด็กในระยะยาว ที่สำคัญในอาหารเสริมที่ทำให้เกิดอาการแพ้ เช่น นม ไข่ แป้งสาลี อาหารทะเล เป็นต้น ควรหลีกเลี่ยงไปก่อนที่จะให้เด็กทาน เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายสร้างภูมิแพ้ขึ้น และทำให้เกิดอาการแพ้อาหารเหล่านั้นในอนาคต หรือเป็นจุดเริ่มต้นของการเกิดโรคภูมิแพ้