นานกว่า 6 วันยังค้นหาลุงจิตอาสาหลงป่าภูพานไม่เจอเพราะพื้นที่ป่ากว้างและมีฝนตกต่อเนื่อง ด้านผู้ว่าฯกาฬสินธุ์ระบุแม้ยังไม่พบตัวผู้สูญหาย แต่ไม่สูญเปล่าเป็นการแสดงพลังคนไทยไม่ทิ้งกัน พร้อมตั้งศูนย์สนับสนุนทีมค้นหา จ.สกลนคร
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีนายสมพูล ภูมองชัย อายุ 59 ปี ชาวบ้านไชยวาร ต.หนองบัว อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นจิตอาสาทำความดีด้วยหัวใจ ของในหลวง ร.๑0 ลำดับที่1103และเป็นเจ้าหน้าที่อป.พร.พลัดหลงกับเพื่อนบ้านขณะเข้าไปเก็บเห็ดในเขตป่าอุทยานแห่งชาติภูพานในเขต ต.สร้างค้อ อ.ภูพาน จ.สกลนคร เมื่อวันที่ 11 ส.ค.ที่ผ่านมา ทั้งทาง จ.สกลนคร และ จ.กาฬสินธุ์ ได้บูรณาการร่วมกันค้นหาตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันนี้( 17 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดระยะเวลา 2 วันที่ผ่านมา ชุดปฏิบัติการค้นหาผู้ผลัดหลงป่าในเขตอุทยานแห่งชาติภูพาน นำโดยนายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ ในฐานะผู้บัญชาการศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ส่วนหน้า จ.กาฬสินธุ์ ได้ระดมเจ้าหน้าที่ทั้งทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง อาสาสมัคร กู้ชีพกู้ภัย มูลนิธิ จิตอาสา แพทย์ พยาบาล อปพร. ผู้นำท้องถิ่นฯลฯหลายร้อยคน ปูพรมเดินเท้าเข้าค้นหาผู้สูญหายในเขตอุทยานแห่งชาติภูพาน เขต จ.กาฬสินธุ์อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้เพื่อบีบพื้นที่ช่วยทีมค้นหาของ จ.สกลนคร ท่ามกลางความยากลำบาก เนื่องจากแนวเขตป่าภูพานนั้นหลายจุดมีความชัน ป่าทึบ และต้นไม้สูง อีกทั้งยังประสบปัญหาฝนที่ตกหนักอย่างในพื้นที่ป่า แต่ทีมคนหาทุกคนก็ยังปฏิบัติหน้าที่กันอย่างไม่ย่อท้อ เนื่องจากผู้สูญหายเข้าไปในป่าเป็นวันที่ 6 แล้ว
ทั้งนี้ชุดปฏิบัติการค้นหาผู้ผลัดหลงป่าในเขตอุทยานแห่งชาติภูพานชุดที่ 2 นำโดยนายปิยวัฒน์ สุณะไตรย์ เจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญงาน หัวหน้าชุดปฏิบัติการร่วมของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช และกองกำลังร่วมได้ร่วมกันออกสำรวจพื้นที่ โดยเริ่มเดินเท้าตั้งแต่สำนักงานหน่วยอุทยานแห่งชาติภูพาน เขต จ.สกลนคร ซึ่งเข้าสำรวจพื้นที่สันป่าแดง หลุบติ้ว หลุบสวน แก่งยาว นาหนองหิน มาจาถึงฝายน้ำตกแก้งกะอาม เขตพื้นที่ ต.ผาเสวย อ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ระยะทางกว่า 20 กม.
ซึ่งระหว่างทาง พบซองยารักษาโรคความดัน โรคเบาหวานทิ้งอยู่ในพื้นที่ เบื้องต้นคาดว่าน่าจะเป็นของผู้ที่สูญหาย เพราะมีข้อมูลผู้สูญหายมีโรคประจำตัวคือความดัน และโรคเก๊าต์ และก่อนเข้าป่านั้นนำยาติดตัวไปด้วย เจ้าหน้าที่จึงนำซองยามาตรวจสอบ อย่างระเอียด พบว่าเป็นยาของชาวบ้านในพื้นที่ ต.ผาเสวย ไม่ใช่ยาของผู้เสียหาย
อย่างไรก็ตามล่าสุด นายไกรสร กองฉลาด ผวจ.กาฬสินธุ์ พล.ต.จุมพล จุมพลภักดี ผู้บัญชาการกองพลทหารม้าที่ 3 ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย จ.กาฬสินธุ์ พ.อ.สมบัติ จินดาศรี รองผู้บัญชาการกองพลทหารม้าที่ 3 นายธนูสินธ์ ไชยศิริ ปลัด จ.กาฬสินธุ์ นายสมเจษต์ เต็งมงคล นายอำเภอสมเด็จนายพิชิต สมบัติมาก ผอ.สนง.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.กาฬสินธุ์ พ.ต.อ.ทวีศักดิ์ รักษาศิลป์ ผกก.สภ.สมเด็จ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมกันสรุปและประเมินสถานการณ์ในการค้นหาผู้สูญหาในช่วงระยะเวลา 2 วันที่ผ่านมา พร้อมกับย้ายศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้าในการค้นหาผู้สูญหายจากเทศบาลตำบลผาเสวยไปประจำการที่ศาลากลาง จ.กาฬสินธุ์ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจการค้นหาของ จ.สกลนคร
นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าฯกาฬสินธุ์ ระบุว่า พื้นที่ที่เกิดเหตุดังกล่าวอยู่ในเขต จ.สกลนครแต่คนที่สูญหายเป็นชาวกาฬสินธุ์ ซึ่งจุดเกิดเหตุเป็นพื้นที่รอยต่อระหว่าง จ.สกลนคร-จ.กาฬสินธุ์ ทั้งนี้ จ.กาฬสินธุ์นั้นได้รับภารกิจจาก จ.สกลนคร เพื่อให้ค้นหาพื้นที่ที่คาดว่าผู้สูญหายจะเดินย้อนกลับมาในฝั่งพื้นที่กาฬสินธุ์ โดยตลอดระยะเวลา 2 วันที่ผ่านมา จ.กาฬสินธุ์ใช้กำลังคนทั้งหมดกว่า 500 คนจากทุกภาคส่วน ลงพื้นที่ปูพรมค้นหาอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นพื้นที่ 2 อำเภอ คือ อ.คำม่วง และ อ.สมเด็จ
นายไกรสร กล่าวอีกว่า การปฏิบัติการค้นหา แม้ขณะนี้ยังไม่พบตัวผู้สูญหาย แต่ก็ไม่ถือว่าสูญเปล่า เพราะการปฏิบัติการครั้งนี้ทำให้เห็นว่าหน่วยงานทุกภาคส่วน ตลอดจนจิตอาสา และประชาชนได้ร่วมแรงร่วมใจกันช่วยเหลือผู้สูญหายที่กำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างเต็มที่กำลังความสามารถ แสดงให้เห็นว่าคนไทยไม่ทิ้งกัน นอกจากนี้ยังเป็นการบูรณาการหน่วยงานทุกภาคส่วน ทั้งการจัดระบบการบัญชาการเหตุการณ์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพอีกด้วย
ด้านพล.ต.จุมพล จุมพลภักดี ผู้บัญชาการกองพลทหารม้าที่ 3 ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า การปฏิบัติการครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความสมัครสานสามัคคีของคนไทยทุกคน ทั้งเจ้าหน้าที่ราชการ มูลนิธิ จิตอาสา และประชาชน ที่ร่วมด้วยช่วยกันช่วยเหลือผู้ที่ประสบภัยตกทุกข์ได้ยาก ทุ่มเทแรงกายและแรงใจเสมือนญาติพี่น้องของตนเอง
ทั้งนี้กองพลทหารม้าที่ 3 และกองกำลังรักษาความเรียบร้อย จ.กาฬสินธุ์ พร้อมสนับสนุนกำลังพลและยุทโทปกรณ์อย่างเต็มที่ เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ประสบภัยพิบัติต่างๆตามนโยบายของกองทัพบกและกองทัพภาคที่ 2
รายละเอียดข้อมูลข่าวเพิ่มเติมจาก