<h3>นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากการเฝ้าระวังของกรมควบคุมโรค สถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.- 23 พ.ค.62 พบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ 159,845 ราย เสียชีวิต 11 ราย จังหวัดที่พบอัตราป่วยสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ระยอง และเชียงใหม่</h3> <!--more--> <h3>โดยกรมควบคุมโรค คาดว่าในช่วงนี้จะมีผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สูงขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงรอยต่อระหว่างฤดูร้อนกับฤดูฝน และจากข้อมูล 5 ปีย้อนหลัง ช่วงเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายนเป็นช่วงที่เริ่มมีการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล โรคไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคจากการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ซึ่งผู้ป่วยจะมีอาการไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว อ่อนเพลีย มักพบการระบาดได้ในสถานที่แออัดหรือในชุมชน สามารถพบผู้ป่วยได้ทุกช่วงกลุ่มอายุ การติดต่อเกิดจากการสัมผัสสารคัดหลั่งจากปากและการหายใจ ผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถ</h3> <h3>นอกจากนี้ กรมควบคุมโรค ยังได้แนะนำให้ผู้ป่วยหยุดเรียน หยุดงาน พักผ่อนที่บ้าน สวมหน้ากากอนามัย หมั่นสังเกตอาการว่ามีความผิดปกติ เช่น หายใจลำบาก เจ็บบริเวณหน้าอก ซึม สับสน หรืออาเจียนมาก หรือหากอาการรุนแรงอื่นๆ ควรไปพบแพทย์แนะนำให้ล้างมือด้วยน้ำสบู่หรือแอลกอฮอล์ และหลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วย</h3> <h3>ทั้งนี้ กลุ่มเสี่ยงสูงที่มีโอกาสเกิดโรครุนแรง ควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ประจำปี ได้แก่</h3> <h3>1.หญิงมีครรภ์อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป 2.เด็กอายุ 6 เดือนถึง 2 ปี 3.ผู้มีโรคเรื้อรังประจำตัว ได้แก่ ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หัวใจ หืด ไตวาย หลอดเลือดสมอง ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างการได้รับเคมีบำบัด และเบาหวาน 4.ผู้สูงอายุที่อายุ 65 ปีขึ้นไป 5.ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ 6.โรคธาลัสซีเมียและผู้ที่ภูมิคุ้มกันบกพร่อง รวมผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีอาการ 7.โรคอ้วน หรือผู้ที่มีน้ำหนักตั้งแต่ 100 กิโลกรัม หรือดัชนีมวลกายตั้งแต่ 35 กิโลกรัมต่อตารางเมตร</h3> <h3>ข้อมูลเพิ่มเติม : กรมควบคุมโรค โทร.1422</h3> <h3></h3>