ชาวกมลาไสยบุกที่ว่าการอำเภอขับไล่นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด หลังสั่งงดสั่งซื้อยาของ รพ.กมลาไสยนานนับปี ทำให้ผู้ป่วยไม่มียากลับไปรับประทาน โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเรื้อรังมะเร็ง ความดัน เบาหวาน ส่งผลให้อาการทรุดหนักกว่าเดิม
วันที่ (31 ก.ค.62) เมื่อเวลา 10.30 น.ที่บริเวณหน้าที่ว่าการ อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ ตัวแทนชาวบ้านซึ่งมีทั้งผู้ป่วย และผู้พิการใน อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ กว่า 100 คน นำโดยนายฐานทัพ สินธุเมธากุล นายประสิทธิ์ อาจบรรจง นายคงเดช เฉิดสถิต สจ.เขตอำเภอกมลาไสย นายประกิต โมฆะรัตน์ อดีตนายก อบต.โคกสมบูรณ์ รวมตัวกันถือป้ายข้อความขับไล่ พร้อมทั้งนำรายชื่อที่ชาวบ้านร่วมกันลงชื่อกว่า 500 คน ยื่นหนังสือ เพื่อขอให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเร่งดำเนินการย้ายนายแพทย์ ประวิตร ศรีบุญรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ ออกนอกพื้นที่
โดยเนื้อหาในหนังสือระบุว่า นายแพทย์ ประวิตรไม่อนุมัติให้โรงพยาบาลกมลาไสยจัดซื้อยา ทำให้ผู้ที่เข้ามารักษาที่โรงพยาบาลไม่มียากลับไปกิน โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เบาหวาน และความดัน ส่งผลให้ทางโรงพยาบาลกมลาไสยต้องไปยืมยาชนิดต่างๆ จากโรงพยาบาลใกล้เคียงเพื่อมาแจกจ่ายแก่ผู้ป่วย แต่ก็ยังไม่เพียงพอ
ปัญหาดังกล่าว ที่ผ่านมาชาวบ้านเคยไปยื่นเรื่องขอความช่วยเหลือต่อนายแพทย์สาธารณสุขมาแล้วหลายครั้งแต่ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข จนเวลาผ่านมานานกว่า 1 ปี ทำให้ผู้ป่วยหลายรายมีอาการทรุดหนักเนื่องจากขาดยารับประทาน
การยื่นหนังสือครั้งนี้มี นายวีระศักดิ์ ศรีโสภา รองผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ นายชาญชัย ศรศรีวิชัย ปลัด จ.กาฬสินธุ์ นายสัมฤทธิ์ กิตติโชตสุขสงค์ นายอำเภอกมลาไสย นายนพพงษ์ วงษ์เสนา ปลัดอาวุโส อ.กมลาไสย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรม จ.กาฬสินธุ์ ร่วมกันรับเรื่อง และมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กมลาไสยและฝ่ายปกครองคอยดูแลความสงบเรียบร้อย
นายฐานทัพ สินธุเมธากุล ตัวแทนชาวบ้าน บอกว่า ขณะนี้ชาวบ้านใน อ.กมลาไสย และอำเภอใกล้เคียงที่มีอาการเจ็บป่วยเข้ามารับการรักษาที่โรงพยาบาลกำลังเดือดร้อนอย่างหนัก เนื่องจากเจ้าหน้าที่บอกว่าไม่มียา โดยเฉพาะยารักษาโรคเบาหวาน เพราะไม่มีการสั่งซื้อมานานแล้ว เนื่องจากนายแพทย์สาธารณสุขไม่ให้มีการซื้อ ต้องยืมยาจากโรงพยาบาลใกล้เคียงมาให้ผู้ป่วย และนัดให้มารับวันหลัง
ซึ่งกว่าจะได้มาก็มีความล่าช้าไม่ทันต่อการรักษาโรค ชาวบ้านเกรงว่าผู้ป่วยที่ไม่ได้รับยาอาการจะทรุดหนักจนเสียชีวิต และตั้งข้อสังเกตว่าทั้งที่งบประมาณที่รัฐบาลอุดหนุนในงบ สปสช.มีมากถึง 50-60 ล้านบาท รวมทั้งงบอื่นๆ อีกรวมเป็นเงิน 90 ล้านบาท แล้วทำไมไม่จัดซื้อมาบริการคนไข้จนทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน
นอกจากปัญหาดังกล่าวแล้ว โรงพยาบาลแห่งนี้ยังว่างเว้นจากตำแหน่งผู้อำนวยการมานานกว่า 1 ปี และตำแหน่งรองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารก็เกษียณราชการมานานเกือบจะครบ 1 ปีแล้ว ทางสำนักงานสาธารณสุขก็ไม่บรรจุแต่งตั้งสักที ทั้งยังมีปัญหาเด็กนักเรียนเสียชีวิตด้วยไข้เลือดออกในพื้นที่โรงพยาบาลหนองกุงศรี และมีการปล่อยให้มีโรงงานผลิตยาลดความอ้วนเถื่อนที่ อ.นามน ชาวบ้านจึงเรียกร้องให้ย้ายนายแพทย์ ประวิตร ศรีบุญรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ ออกนอกพื้นที่โดยเร็วที่สุด และเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาให้แก่ประชาชน
ด้านนายประสิทธิ์ อาจบรรจง ส.จ.เขตอำเภอกมลาไสย กล่าวว่า สำหรับปัญหานี้เกิดขึ้นมานานกว่า 1 ปีแล้ว มีชาวบ้านในเขต อ.กมลาไสย และพื้นที่ใกล้เคียงหลายราย โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเรื้อรัง มะเร็ง เบาหวาน ได้เข้ามาร้องทุกข์ว่าเข้ามารับการรักษาโรคต่างๆ ในโรงพยาบาลกมลาไสย ซึ่งเมื่อแพทย์ตรวจอาการเสร็จแล้ว กลับไม่มียาให้ผู้ป่วยกลับไปรับประทาน บางรายก็ได้รับยาไม่ครบ บางรายให้กลับบ้านไปก่อนแล้วค่อยกลับมารับยาใหม่วันหลัง เพราะทางโรงพยาบาลไม่มียาจะต้องไปยืมโรงพยาบาลข้างเคียงมาให้ ซึ่งปัญหาดังกล่าวส่งผลให้ผู้ป่วยต้องเสียโอกาสและบางรายอาการป่วยกำเริบทรุดหนักกว่าเดิมเพราะไม่มียารักษา
นายสมจิตร โมครัตน์ อายุ 56 ปี ชาวบ้านคำโพนทอง ต.โคกสมบูรณ์ อ.กมลาไสย ระบุว่า ตนป่วยเป็นโรคเบาหวาน ต้องเดินทางเข้าไปตรวจรักษาที่โรงพยาบาลกมลาไสยเดือนละครั้ง แต่กลับไม่ได้รับยากลับมารับประทาน บางครั้งก็ได้รับยามาไม่ครบ ทำให้ต้องขาดยารักษาต่อเนื่อง จนทำให้บางวันอาการทรุด และเบาหวานกำเริบ ปัญหานี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับตนเพียงคนเดียว แต่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยอีกหลายคน จึงอยากให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยชาวบ้านด้วย ก่อนที่ผู้ป่วยจะมีการทรุดและเสียชีวิตเพราะขาดยารักษา
ขณะที่นายวีระศักดิ์ ศรีโสภา รองผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับเรื่องราวร้องทุกข์ของประชาชนไว้แล้ว พร้อมกับรายงานไปยังผู้บังคับบัญชา และจะเร่งประสานยังสำนักงานสาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ดำเนินการตรวจสอบเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว อย่างไรก็ตามเท่าที่สอบถามกับเจ้าหน้าที่
รวมทั้งเจ้าหน้าที่เภสัชของโรงพยาบาลเบื้องต้นนั้นพบว่ายาบางตัวก็ไม่มีการจัดซื้อและไม่มีจริง โดยเฉพาะยารักษาโรคเรื้อรัง ซึ่งทางจังหวัดจะเร่งเข้าไปตรวจสอบว่าเกิดจากสาเหตุใด เพื่อแก้ไขปัญหาให้แก่ประชาชน