” จำนวนของฝุ่นควันพิษที่เพิ่มขึ้นนี้อาจเกี่ยวข้องโดยตรงกับการเพิ่มพื้นที่ปลูกอ้อยจาก 8,456,000 ไร่ เป็น 11,469,000 ไร่ หรือเพิ่มขึ้นมากถึง 3,013,000 ล้านไร่ ระหว่างปี 2557-2562 ซึ่งอยู่ในช่วงรัฐบาลคสช. ที่มาพร้อมกับนโบาย “ประชารัฐ”
1.ปัญหาฝุ่นควันพิษและคุณภาพอากาศย่ำแย่ที่เกิดขึ้นในขณะนี้อาจเกิดขึ้นจากนโยบายส่งเสริมการปลูกอ้อยและพืชอุตสาหกรรมของรัฐบาลเอง
2.คุณภาพอากาศระดับเลวร้ายจนส่งผลกระทบต่อสุขภาพไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกรุงเทพเท่านั้น แต่ในหลายจังหวัดซึ่งอยู่ในพื้นที่ปลูกพืชไร่สำคัญและจังหวัดใกล้เคียง เช่น กาญจนบุรี ลพบุรี อุตรดิตถ์ พิษณุโลก นครสวรรค์ สุพรรณบุรี ราชบุรี กำแพงเพชร มีจำนวนชั่วโมงที่คุณภาพอากาศอยู่ในระดับอันตราย (unhealthy) จนถึงอันตรายมากๆ (very unhealthy) ในรอบ 1 เดือนยิ่งกว่ากรุงเทพมหานครเสียอีก
3.จากแผนที่พื้นที่ปลูกอ้อยเปรียบเทียบกับพื้นที่คุณภาพอากาศอันตรายพบว่าอยู่ในพื้นที่เกือบซ้อนทับกัน ซึ่งเกิดขึ้นจากการเผาในพื้นที่การปลูกอ้อย จากข้อมูลการสำรวจพบว่าพื้นที่ปลูกอ้อย 40-60% ล้วนมีการเผาเพื่อความสะดวกและลดค่าแรงงานในการตัดอ้อย ในขณะที่การใช้รถตัดอ้อยสดยังมีต้นทุนสูงกว่าสำหรับเกษตรกรรายย่อย
4.จำนวนของฝุ่นควันพิษที่เพิ่มขึ้นนี้อาจเกี่ยวข้องโดยตรงกับการเพิ่มพื้นที่ปลูกอ้อยจาก 8,456,000 ไร่ เป็น 11,469,000 ไร่ หรือเพิ่มขึ้นมากถึง 3,013,000 ล้านไร่ระหว่างปี 2557-2562 ซึ่งอยู่ในช่วงรัฐบาลคสช. ที่มาพร้อมกับนโบาย”ประชารัฐ”
5.นโยบายประชารัฐของรัฐบาลคสช. คือการเปิดโอกาสให้กลุ่มทุนขนาดใหญ่เข้ามามีบทบาทสำคัญในการกำหนดนโยบายการพัฒนาประเทศในด้านต่างๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายด้านการเกษตร ตัวอย่างเช่น นโยบายเกษตรแปลงใหญ่ ที่ส่วนใหญ่ส่งเสริมให้มีการปลูกอ้อยและข้าวโพดอาหารสัตว์นั้น จะได้รับการสนับสนุนในรูปปลอดดอกเบี้ยเงินกู้ ( คิดดอกเบี้ยเพียง 0.01 เปอร์เซ็นต์) ไปจนถึงการสนับสนุนเงินให้เปล่าแก่เกษตรกรไร่ละ 2,000-3,000 บาท/ไร่ งบสนับสนุนให้เปล่าในการปรับเปลี่ยนพื้นที่ปลูกข้าวเป็นไร่อ้อย เป็นต้น
6.คณะกรรมการนโยบายประชารัฐการเกษตรนั้น มีประธานบริษัทน้ำตาลยักษ์ใหญ่ของไทยนั่งเป็นประธานร่วมกับนายทหารที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมีข้าราชการนั่งคอยรับฟังคำสั่ง
7.การแก้ปัญหาฝุ่นควันพิษโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มาจากภาคเกษตรกรรม ไม่ใช่ข้อจำกัดของการเคารพสิทธิมนุษยชน ดังคำให้สัมภาษณ์ของนายกรัฐมนตรี เพราะสิทธิของประชาชนและเด็กๆที่จะได้รับอาหาร น้ำ อากาศ และสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัยเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาของ “อภิสิทธิชน” และการส่งเสริมบทบาทกลุ่มทุนขนาดใหญ่ของรัฐบาลต่างหาก ที่ทำให้ปัญหาสภาพแวดล้อม ทั้งฝุ่นควันพิษ และปัญหาการใช้สารเคมีการเกษตรร้ายแรงของประเทศยังไม่ได้รับการแก้ไข
มีเกษตรกรรายย่อยในระบบการผลิตนี้สักกี่คนที่ได้ประโยชน์ ในขณะที่บริษัทยักษ์ใหญ่ต่างเติบโตขึ้นๆ
ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยคงต้องสร้างเกษตรกรรมแบบใหม่ เพื่อไม่ให้ประชาชนส่วนใหญ่ต้องเป็นผู้รับภาระจากปัญหาสุขภาพและสิ่งแวดล้อมดังที่เป็นอยู่
เนื้อหาข่าวจาก isranews