ผู้สูงอายุ หนองกุงศรี กาฬสินธุ์ กว่า 100 คน แห่นำใบแจ้งหนี้ค่าซื้อโทรศัพท์ – หนังสือทวงหนี้ เข้าคิวร้องทุกข์ยกหมู่บ้าน หลังถูกเอาบัตรประชาชนไปซื้อ ขณะสาว29ต้นเหตุอ้างโดนร้านหลอก ยันบริสุทธิ์ วอนร้านรับผิดชอบ
เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้สูงอายุอายุระหว่าง 60-70 ปี จำนวนมาก ที่บ้านหนองหว้า หมู่ 9 ต.หนองกุงศรี อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ รวมตัวกันที่ศาลาประชาคมหมู่บ้าน เพื่อขอความเป็นธรรมและขอความช่วยเหลือหลังรับหนังสือทวงหนี้จากสำนักงานกฎหมายจากของบริษัทเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ เรียกเก็บเงินค่าบริการรายเดือนเฉลี่ยรายละ 3,299 บาท ทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุไม่มีอาชีพ ไม่มีรายได้ มีเพียงเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเท่านั้น จึงไม่มีเงินจ่าย และกำลังจะถูกฟ้องร้องวันที่ 9 ธ.ค.ที่จะถึงนี้ เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาวันนี้ นายคงเดช ภูนพทอง ผู้ใหญ่บ้านโคกเจริญ หมู่ 10 ต.หนองกุงศรี อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ ได้ประกาศเสียงตามสายให้ชาวบ้านที่ได้รับใบแจ้งหนี้ทวงค่าบริการโทรศัพท์ และหนังสือจากสำนักกฎหมาย มาลงชื่อไว้เป็นหลักฐาน เพื่อรวบรวมข้อมูลช่วยเหลือแก้ไขปัญหา มีชาวบ้านเป็นผู้สูงอายุมาต่อคิวลงชื่อเป็นจำนวนมากกว่า 100 ราย
นายคงเดช กล่าวว่า กรณีดังกล่าวเบื้องต้นจำได้ว่าเมื่อประมาณปลายปี 2562 มีชาวบ้านหลายคนเคยมาปรึกษาตน จึงพาไปปรึกษาตำรวจ สภ.หนองกุงศรี แล้วครั้งหนึ่ง โดยมีการพูดคุยกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องว่า หากชาวบ้านเป็นผู้บริสุทธิ์จริงถึงแม้จะได้รับใบทวงหนี้ดังกล่าวก็ไม่ต้องตกใจ ไม่มีปัญหาอะไร เพราะอาจเกิดความคาดเคลื่อนจากต้นทางที่ส่งหนังสือมาทวงหนี้ ซึ่งที่ผ่านมาก็เงียบหายไป ก่อนมีหนังสือตามทวงหนี้ และเตรียมส่งฟ้อง ส่งมาถึงชาวบ้านอีกช่วงนี้ ส่วนกลุ่มผู้สูงอายุบ้านโคกเจริญที่ได้รับหนังสือดังกล่าว ที่ถูกระบุว่าจะส่งฟ้องดำเนินคดีในวันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา พอถึงเวลาจริงก็ไม่มีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้น ทำให้ชาวบ้านวิตกกังวล คาดว่าน่าจะมีประมาณ 200 คนที่ถูกหลอก ตนจึงประกาศให้ชาวบ้านที่ได้รับหนังสือดังกล่าว มาลงทะเบียนไว้เป็นหลักฐาน และจะดำเนินการแก้ไขปัญหาทั้งไปปรึกษากับศูนย์ดำรงธรรม ตำรวจ และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
นางสำราญ บุญเสริม อายุ 56 ปี กล่าวว่า เป็นอีกคนหนึ่งที่เคยให้บัตรประชาชนกับ น.ส.บังอร (สงวนนามสกุล) อายุ 29 ปี คนรู้จักในหมู่บ้านไปลงทะเบียนซื้อโทรศัพท์พร้อมโปรโมชั่น แลกกับเงินตอบแทน 150 บาท ก่อนที่จะมารู้ตัวว่าถูกหลอกหลังได้รับใบทวงหนี้ค่าโทรศัพท์ดังกล่าว ทั้งๆที่ตนและชาวบ้านที่ตกอยู่ในสภาพเดียวกันต่างยืนยันไม่ได้เครื่องโทรศัพท์ และใช้หมายเลขโทรศัพท์ตามที่ระบุมาในใบแจ้งหนี้เลย จากการสอบถามชาวบ้านด้วยกัน ทั้งภายในหมู่บ้านโคกเจริญทั้ง 2 หมู่ คือ หมู่ 10 และหมู่ 3 น่าจะมีไม่น้อยกว่า 200 คน อย่างไรก็ตาม ต้องถือว่าเป็นอุทาหรณ์เตือนใจให้กับผู้สูงอายุ ที่เห็นแก่เงินเล็กๆน้อยๆ จึงถูกคนที่ตนไว้ใจหลอก และเป็นที่มาของได้รับหนังสือทวงหนี้ค่าโทรศัพท์ดังกล่าว
ต่อมา น.ส.บังอร เดินทางมาแสดงความบริสุทธิ์ใจที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน พร้อมกล่าวว่า ตนเป็นคนไปหาเก็บบัตรประจำตัวประชาชนของชาวบ้านไปดำเนินการดังกล่าวเอง แต่ไม่เคยมีเจตนาหลอกลวงเลย ไม่อย่างนั้นคงหนีออกจากหมู่บ้านไปแล้ว ส่วนเรื่องเกิดขึ้นเป็นความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพราะหลงเชื่อคำเชิญชวนของเจ้าของร้านขายโทรศัพท์ และอยากมีรายได้ โดยเหตุการณ์เริ่มเมื่อประมาณต้นปี 2562 ได้ไปซื้อโทรศัพท์ที่ร้านตัวแทนจำหน่ายแห่งหนึ่งใน อ.หนองกุงศรี จากนั้นได้รับคำแนะนำจากตัวแทนขายให้ไปหาลูกค้ามาซื้อโทรศัพท์พร้อมโปรโมชั่นกับเครือข่ายบริษัทจำหน่ายโทรศัพท์ จะได้รับค่าตอบแทน วิธีการคือไปหาติดต่อนำบัตรประชาชนจากชาวบ้านมาให้ทางร้านลงทะเบียนและให้ค่าตอบแทนชาวบ้านคนละ 150 บาท ซึ่งตนก็ไปหาเก็บบัตรประชาชนในหมู่บ้านเพราะเห็นว่ามีค่าตอบแทนซึ่งจำไม่ได้ว่ากี่คนเพราะไม่ได้ทำบัญชีไว้ และไม่คิดว่าจะเกิดเรื่อง อย่างไรก็ตามอยากเรียกร้องให้ตัวแทนจำหน่ายโทรศัพท์ร้านดังกล่าว มาแสดงความรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้นเพราะหากจะให้ตนรับผิดชอบคงเป็นไปไม่ได้ ซึ่งชาวบ้านก็เข้าใจตน
ข้อมูลข่าวจาก เดลินิวส์