วันที่ 1 ก.พ. เอเอฟพี รายงานความคืบหน้าต่อกรณีกองทัพพม่าบุกจับ นางออง ซาน ซู จี ที่ปรึกษาแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของพม่า รวมถึง ประธานาธิบดีวิน มินต์ และแกนนำพรรค เมื่อช่วงเช้าตรู่วันนี้ ว่า กองทัพพม่าประกาศใช้สถานการณ์ฉุกเฉินเป็นเวลา 1 ปี พร้อมแต่งตั้งนายทหารยศพลเอกขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นรักษาการประธานาธิบดี
สถานีโทรทัศน์เมียวดีทีวีของกองทัพพม่าระบุว่า กองทัพประกาศใช้สถานการณ์ฉุกเฉินเป็นเวลา 1 ปี พร้อมแต่งตั้ง พล.อ.มิน ส่วย อดีตรองประธานาธิบดี และรักษาการประธานาธิบดีเมื่อครั้งที่ นายติน จ่อ อดีตผู้นำพม่า ลาออกในปี 2561 ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นรักษาการประธานาธิบดี
โดยอำนาจบริหารและตุลาการจะถูกส่งต่อให้ พล.อ.มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ส่งผลให้พม่ากลับสู่ภายใต้การปกครองของกองทัพอีกครั้ง การตัดสินใจประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเกิดขึ้นเพื่อรักษาไว้ซึ่งความมั่นคงของรัฐ พร้อมกล่าวหาคณะกรรมการการเลือกตั้งที่ล้มเหลวในการรับมือกับการเลือกตั้งที่มีความผิดปกติส่อเค้าทุจริตเมื่อเดือนพ.ย.2563
ขณะที่ความเคลื่อนไหวนอกประเทศพม่า นางเจน ซากี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ระบุตามแถลงการณ์ว่ารัฐบาลสหรัฐคัดค้านความพยายามใดๆ ก็ตามที่จะเปลี่ยนผลการเลือกตั้งเมื่อไม่นานมานี้ หรือจัดขวางการเปลี่ยนผ่านตามระบอบประชาธิปไตย และจะดำเนินการกับผู้ที่มีส่วนรับผิดชอบหากการเคลื่อนไหวนี้ไม่มีการย้อนกลับ”
นางมาริส เพย์น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของออสเตรเลีย แถลงเรียกร้องให้กองทัพพม่าปล่อยตัวนางซู จี และแกนนำพรรคเอ็นแอลดี โดยเตือนว่ากองทัพกำลังพยายามยึดอำนาจปกครองประเทศอีกครั้ง “เราเรียกร้องให้กองทัพเคารพในกฎหมาย เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งผ่านกระบวนการที่ถูกต้อง และปล่อยแกนนำฝ่ายพลเรือน รวมถึงผู้อื่นที่ถูกจับกุมไปอย่างผิดกฎหมาย”