เมื่อเวลา 09.55 น. วันที่ 31 พ.ค.64 ที่รัฐสภา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข กล่าวถึงงบประมาณประจำปี 65 ของกระทรวงสาธารณสุข ว่า มั่นใจว่าจะต้องมีงบประมาณในการซื้อวัคซีนอย่างแน่นอน ซึ่งเรื่องนี้ไม่น่ากังวลแต่อย่างใด รวมถึงมีค่าตอบแทนให้กับบุคลากรทางการแพทย์ และบุคลากรด่านหน้า ได้บรรจุไว้ในทุกหมวด ทั้งงบจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และจากสำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุข อย่าไปฟังเสียงลือเสียงเล่าอ้าง เพราะกระทรวงให้ความสำคัญกับบุคคลเหล่านี้ และเป็นนโยบายชัดเจนจากนายกรัฐมนตรีด้วย
เมื่อถามถึงกรณีที่ท้องถิ่นมีความต้องการจัดซื้อวัคซีนเอง หากศบค.ปลดล็อกจะช่วยแบ่งเบาในเรื่องนี้ได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับศบค.จะพิจารณา กระทรวงสาธารณสุขทำหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย อยู่ในขอบข่ายที่หัวหน้ารัฐบาลมอบหมายให้ทำ ขอยืนยันว่า ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข ไม่มีสิ่งใดขาดตกบกพร่อง ส่วนจะทำให้เกิดความขัดแย้งกันหรือไม่นั้น อยู่ที่ศบค.ตัดสินใจ กระทรวงสาธารณสุขเป็นเพียงผู้ปฏิบัติที่ดี และมีประสิทธิภาพที่สุดตามนโยบายที่สั่งการ แต่ถ้าฟังนโยบายแล้ว สาธารณสุขมองว่ามีอุปสรรคหรือข้อขัดข้อง ก็จะทักท้วงกลับไป
แต่คนเคาะคือศบค. หากยืนยันที่จะทำ เขาต้องรับผิดชอบ เราเพียงแค่ทำตาม หากท้องถิ่นต้องการทำอะไรเองทุกอย่าง ก็น่าจะจัดตั้งระบบที่จะมาบริหารจัดการ ทั้งนี้ หากศบค.เห็นชอบ กระทรวงสาธารณสุขก็จะจัดส่งวัคซีนให้ในส่วนที่เป็นของรัฐ ส่วนใครจะไปซื้อเองเป็นนโยบายของผู้บริหารองค์กรส่วนท้องถิ่นแต่ละคน เราไปก้าวล่วงไม่ได้ ส่วนเรื่องของวัคซีน ตนได้สั่งการไปแล้วว่าให้ทุกหน่วยงานบริการวัคซีนของกระทรวงสาธารณสุขเปิดแล้วห้ามปิด ต้องให้บริการทุกวัน
เมื่อถามถึงกรณีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ประสานขอวัคซีนไปฉีดในเรือนจำ นายอนุทิน กล่าวว่า ขณะนี้อธิบดีกรมควบคุมโรค และอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้ประสานเรื่องนี้แล้ว ต้องเร่งฉีดให้กับผู้ที่ยังไม่ติดเชื้อ ไม่เพียงเฉพาะนักโทษแต่ต้องรวมถึงเจ้าหน้าที่ด้วย ซึ่งต้องใช้วัคซีนหลายแสนโดส ทั้งนี้ การฉีดวัคซีนหน่วยงานจะต้องจัดทำแผนกระจาย และฉีดที่ชัดเจน จะขอแล้วเอามาเก็บไว้ก่อนไม่ได้ เพราะวัคซีนต้องถูกเก็บไว้ในอุณหภูมิที่กำหนดให้ถูกต้อง กระทรวงสาธารณสุขมีภาระหน้าที่ในการจัดหาวัคซีนซึ่งไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อใดก็มีประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อโควิด – 19 ขออย่ากังวลว่าจะเป็นวัคซีนอะไร
นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า สำหรับวัคซีนไม่มีคำว่ามาครบหรือไม่ครบ มีแต่ทยอยส่งมาเรื่อยๆ และฉีดไปเรื่อยๆ ซึ่งก็ทยอยฉีดมาตั้งแต่เดือนมี.ค. จนถึงตอนนี้ นอกจากนี้ รมว.ศึกษาธิการ ประสานในเรื่องของวัคซีนมาด้วย และนายกฯ ก็มีนโยบายชัดเจนให้ฉีดกลุ่มคนที่เป็นครู อย่างน้อยเมื่อช่วงเปิดเทอมครูก็จะได้มีความปลอดภัย ส่วนเด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ปี กำลังเจรจาซื้อวัคซีนจากไฟเซอร์ ซึ่งเขาเพิ่งจะได้รับรองคุณสมบัติสามารถฉีดเด็กให้เด็กอายุ 12-18 ปีได้ ซึ่งประเทศไทยมีอยู่ประมาณ 6 ล้านคน