จากกรณีที่ กระทรวงการคลัง มีแผนเปิดให้ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐบัตรคนจนรอบใหม่ พร้อมเสนอให้คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม ซึ่งมี นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานพิจารณา ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี
ล่าสุดมีความชัดเจนแล้วว่า กระทรวงการคลังจะมีการทบทวนสิทธิผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และเปิดลงทะเบียนรอบใหม่ หลังจากต้องเลื่อนการพิจารณามา เนื่องจากติดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบใหม่
สำหรับเงื่อนไขนั้น กระทรวงการคลัง ได้สรุปเงื่อนไขเพื่อเสนอแล้วประกอบด้วย
- ปรับคุณสมบัติใหม่ให้รัดกุมขึ้น ปิดช่องคนจนไม่จริงเข้ามาแอบอ้าง เช่น การปรับเกณฑ์รายได้ขั้นต่ำต่อคนต่ำจากเดิมกำหนดไว้คนละไม่เกิน 100,000 บาท มาเป็นเกณฑ์รายได้ต่อครัวเรือนแทน รวมทั้งจะนำสินทรัพย์ เช่น ที่ดิน บ้าน หรือสลากออมทรัพย์ต่างๆ เข้ามาพิจารณาด้วย
- ปัจจุบันมีผู้ได้รับสิทธิประมาณ 13.6 ล้านคน แต่เมื่อเปิดใหม่แล้วจะมีคนเข้ามาเพิ่มหรือลดลงจะต้องรอดูอีกครั้ง เพราะอาจมีทั้งคนที่มีงานทำ มีรายได้เกินเกณฑ์ก็จะไม่ได้สิทธิ หรืออาจมีคนที่เพิ่งได้รับผลกระทบจากโควิดเข้ามาใหม่ และหลังจากนี้คลังจะพยายามอัพเดทข้อมูลรายได้ผู้ถือบัตรให้ทันสมัยทุกๆปี
พร้อมกันนี้มีการเสนอปรับคุณสมบัติใหม่ให้รัดกุมขึ้น ปิดช่องคนจนไม่จริงเข้ามาแอบอ้าง เช่น การปรับเกณฑ์รายได้ขั้นต่ำต่อคน มาเป็นเกณฑ์รายได้ต่อครัวเรือนแทน รวมทั้งจะนำสินทรัพย์ เช่น ที่ดิน บ้าน หรือสลากออมทรัพย์ต่างๆ เข้ามาพิจารณาด้วย
รายละเอียดโอนเงินเมื่อวันที่ 1 ก.ย.
รายการที่หนึ่ง
- รายการซื้อของกินของใช้จำนวน 200 หรือ 300 บาท ใช้ได้เฉพาะร้านค้าประชารัฐเท่านั้น
- คนละ 200 บาทต่อเดือน สำหรับผู้ที่มีรายได้ 30,000 บาทต่อปี แต่ไม่เกิน 100,000 บาท
- คนละ 300 บาทต่อเดือน แบ่งตามเกณฑ์รายได้ ผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อปี
- ต้องใช้จ่ายให้หมดทุกๆเดือนไม่สบทมเดือนถัดไป
รายการที่สอง
- เงินเยียวยาพิเศษช่วยเหลือบัตรสวัสดิการทั่วประเทศได้คนละ 200 บาท ใช้ซื้อสินค้าร่วมโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ ร้านค้าร่วมโครงการคนละครึ่งเฟส 3 ไปใช้สิทธิยื่นบัตรและสแกน ณ ตอนนี้ เงินเหลือเท่าไหร่ เงินซื้อสองมีสองส่วน
- วันที่ 1 ก.ค. 64 จำนวน 200 บาท
- วันที่ 1 ส.ค.64 จำนวน 200 บาท
- วันที่ 1 ก.ย.64 จำนวน 200 บาท
- วันที่ 1 ต.ค.64 จำนวน 200 บาท
- วันที่ 1 พ.ย64 จำนวน 200 บาท
- วันที่ 1 ธ.ค.64 จำนวน 200 บาท
วันที่ 3 กันยายน 2564 โอนเงินกลุ่มตกหล่นให้ผู้สูงอายุจำนวน 4.7 ล้านคน
1.ผู้สูงอายุที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี จะได้รับความช่วยเหลือ 100 บาทต่อเดือน
2.ผู้สูงอายุที่มีรายได้เกิน 30,000 บาทต่อปี แต่ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี จะได้รับความช่วยเหลือ 50 บาทต่อเดือน โดยจะจ่ายย้อนหลัง ดังนี้
- ปีงบบประมาณ พ.ศ. 2563 จ่าย 4 เดือน (มิถุนายน – กันยายน 2563)
- ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 จ่าย 6 เดือน แบบเดือนเว้นเดือน (ตุลาคม และธันวาคม 2563 กุมภาพันธ์ เมษายน มิถุนายน และสิงหาคม 2564)
ที่มาข่าวจาก ฐานเศรษฐกิจ