วันที่ 3 พ.ย. 64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวนาที่ จ.กาฬสินธุ์ ชาวนาที่เก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวต่างนำผลผลิตจำหน่ายตามลานรับซื้อทั่วไป โดยเฉพาะที่ตลาดกลางข้าวและพืชไร่ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ แต่ก็มีเสียงโอดครวญจากชาวนาว่า ราคารับซื้อข้าวเปลือกยังตกต่ำ ซึ่งยังต่ำกว่าปีที่ผ่านมา จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลและนายทุน เพิ่มราคารับซื้อให้ชาวนาด้วย เพราะรายได้จากการขายข้าว โดยเฉพาะข้าวเปลือกเหนียวกิโลกรัมละ 5 บาท ทำให้ประสบปัญหาขาดทุนซ้ำซากทุกปี
นายไพบูลย์ ภูเต้าทอง อายุ 53 ปี ชาวนาบ้านโนนศิลาอาสน์ หมู่9 ต.คำเหมือดแก้ว อ.ห้วยเม็ก กล่าวว่า วันนี้ตนนำข้าวมะลิ กข. 15 หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าข้าวดอ ที่เกี่ยวสดมาขาย ได้ราคากิโลกรัมละ 8.10 บาท หรือตันละ 8,100 บาท ได้เงินหมื่นกว่าบาท แต่เมื่อหักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เป็นต้นทุนการผลิต ทั้งค่าเมล็ดพันธุ์ ค่ารถไถ ค่าปุ๋ย ค่าเก็บเกี่ยว ค่าขนส่งแล้ว สรุปว่าขาดทุน อยากให้รัฐบาลช่วยปรับราคารับซื้อข้าวเปลือกให้สูงกว่านี้ด้วย เพราะหากรับซื้อเท่านี้ชาวนาไม่มีวันลืมตาอ้าปากได้แน่ หากรับซื้อที่ราคากิโลกรัมละ 10 บาทขึ้นไป ก็ยังจะมีทุนสู้ต่อ
ด้าน นายบัณฑิต ภูบุตรตะ อายุ อายุ 53 ปี ชาวบ้านบ้านตูม ต.บัวบาน อ.ยางตลาด กล่าวว่า ตนเพิ่งนำข้าวเปลือกเหนียว กข. 22 ไปขาย ได้ราคากิโลกรัมละ 5.50 บาท ถูกกว่าบะหมี่สำเร็จรูป หักรายจ่ายแล้วช้ำใจ เพราะไม่เหลือจ่ายค่าปุ๋ยเคมีเลย ไม่มีเงินไปใช้หนี้ธสก.ถึงแม้ผลผลิตข้าวจะได้ไร่ละ 400 กิโลกรัม แต่เนื่องจากต้นทุนการผลิตสูง โดยเฉพาะค่าปุ๋ยเคมีและค่าเก็บเกี่ยว ไร่ละ 800 บาท จึงไม่เหลือติดไม้ติดมือเลย
อย่างไรก็ตามก็ยังหวังว่าราคาขายข้าวนาปี หรือข้าวเหนียว กข. 6 ราคาจะสูงขึ้นไม่น้อยกว่ากิโลกรัมละ 7-9 บาท ซึ่งก็จะทำให้พอมีกำไรและมีเงินทุนทำนาต่อไป แต่หากราคายังอยู่ที่กิโลกรัมละ 5-6 บาท ชาวนาขาดทุนหนัก หากเป็นอย่างนั้นเห็นทีปีต่อไปตนคงเลิกทำนา จะทิ้งให้นาร้าง ปล่อยน้ำ ปล่อยปลา พอได้เป็นอาหารกินประทังชีวิตไป เพราะหากทำนา ก็คงขาดทุนอีก
ขณะที่ นายธนาพล ธรรมโนขจิต ผู้จัดกลางตลาดกลางข้าวและพืชไร่ จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า สถานการณ์รับซื้อข้าวเปลือกในช่วงนี้ ส่วนมากจะเป็นข้าวเหนียว กข. 22 ซึ่งเป็นข้าวพันธุ์สำหรับเพาะปลูกนาปรัง หรือข้าวฤดูแล้ง และข้าวเจ้ามะลิ กข. 15 ส่วนข้าวนาปี หรือข้าวเหนียว กข 6. และข้าวเจ้ามะลิ 105 ผลผลิตยังไม่เก็บเกี่ยว คาดว่าจะเริ่มกลางเดือนพฤศจิกายนนี้ ดังนั้นราคารับซื้อผลผลิตข้าวทั้ง 2 ชนิดจึงอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างต่ำตามคุณภาพข้าว
สำหรับราคารับซื้อช่วงนี้ ซึ่งเป็นข้าวเกี่ยวสด โดยข้าวเหนียว กข. 22 สด ก.ก.ละ 5.50 – 6 บาท แห้ง 7.80 – 8 บาท ขณะที่ข้าวเจ้า กข. 15 สด 8 -8.50 บาท แห้ง 10.50 -11 บาท ทั้งนี้ ราคารับซื้อข้างเปลือกนาปีที่จะถึงนี้ยังไม่เผยออกมา เนื่องจากยังไม่มีผลผลิตออกมา แต่คาดว่าราคาจะลดลงกว่าปีที่ผ่านมาอีกตันละ 1,000 บาท ซึ่งเป็นผลกระทบจากการเกิดสถานการณ์โรคิดเชื้อโควิด-19 เช่น สถานประกอบการ ธุรกิจการท่องเที่ยว ร้านอาหาร ปิดกิจการ ความต้องการใช้ข้าวลดลง จึงส่งผลให้ราคารับซื้อข้าวเปลือกยังต่ำอยู่
ข่าวจาก ข่าวสด