วันที่ 10 ม.ค.64 นางฉวีวรรณ คำพา นายกสมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ความต้องการบริโภคเนื้อไก่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเพราะผู้บริโภคปรับพฤติกรรมหันไปหาโปรตีนทางเลือกอื่นที่มีคุณค่าทางอาหารและโภชนาการเทียบเท่าเนื้อหมูในราคาที่เหมาะสม ซึ่งเนื้อไก่เป็นโปรตีนคุณภาพดีย่อยง่าย และที่สำคัญราคาถูกกว่าเนื้อหมูในขณะนี้ ถึง 3 เท่า ทำให้จูงใจผู้บริโภคในการเปลี่ยนไปหาเนื้อสัตว์ทดแทน ซึ่งร้านอาหารและร้านอาหารตามสั่ง มีการปรับวัตถุดิบจากเนื้อหมูมาเป็นเนื้อไก่มากขึ้น
นายกสมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่ฯ กล่าวว่า ความต้องการเนื้อไก่ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วย โดยราคาเฉลี่ยหน้าฟาร์มปรับมาอยู่ที่ 37-39 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่คนเลี้ยงมีต้นทุนอยู่ที่ 36-38 บาทต่อกิโลกรัม แม้จะปรับไม่มาก และเป็นราคาทรงตัวตั้งแต่ปลายปี 2564 แต่ก็ดีขึ้นกว่าช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 และดีกว่าเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วที่ราคาเฉลี่ยประมาณ 34-35 บาทต่อกิโลกรัม
ทั้งนี้ ปัจจุบันราคาไก่ทั้งตัว เฉลี่ยต่อกิโลกรัมอยู่ที่ 80 บาท อกไก่ 75 บาท น่องไก่ 65 บาท ซึ่งคาดว่าราคาน่าจะทรงตัวหรือเพิ่มขึ้นตามปริมาณความต้องการในตลาด ในระหว่างรอผลผลิตเนื้อหมูจากการเลี้ยงรอบใหม่อีกระยะหนึ่ง
อย่างไรก็ดี ภาคปศุสัตว์และอุตสาหกรรมการเลี้ยงสัตว์ของไทย ยังประสบกับปัญหาสำคัญคือ ต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่เป็นต้นทุนหลักประมาณ 60% ของต้นทุนการเลี้ยง ซึ่งยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะช่วงปี 2-3 ปีที่ผ่านมา เกษตรกรต้องประสบกับการขาดทุนสะสม จากราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ ทั้งข้าวโพดและกากถั่วเหลืองเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“โดยเฉพาะในปี 2564 ราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ปรับสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ถึง 30-40% รวมถึงปัจจัยการผลิตและต้นทุนในการป้องกันโรคระบาดปรับราคาสูงขึ้น ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นตามไปด้วย ส่งผลให้เกษตรกรต้องแบกรับภาระต้นทุนการบริหารจัดดังกล่าวมานาน ซึ่งราคาเนื้อไก่ที่ปรับขึ้นนี้จะเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ให้มีต้นทุนการผลิตที่เหมาะสมและสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง”
ที่มาเพจ : สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว