ค่าไฟงวด ม.ค.-เม.ย.67 ที่ประกาศออกมาล่าสุดโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ซึ่งมีการประชุมครั้งที่ 53/2566 โดยมีมติรับทราบผลการรับฟังความคิดเห็นค่าไฟฟ้าผันแปร หรือค่าเอฟที (ค่า FT)
และมีมติเห็นชอบให้ปรับค่าเอฟทีขายปลีกเท่ากับ 89.55 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 69.07 สตางค์ต่อหน่วย
เมื่อรวมกับค่าไฟฟ้าฐานที่ 3.78 บาทต่อหน่วย ทำให้ค่าไฟฟ้าเรียกเก็บของผู้ใช้ไฟฟ้าทุกประเภทเฉลี่ยรวมอยู่ที่ 4.68 บาทต่อหน่วย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
ต่อเรื่องดังกล่าวนายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ โฆษกรัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน กล่าวถึง กกพ. ประกาศค่าไฟงวดใหม่ 4.68 บาทต่อหน่วย งวดมกราคม-เมษายน 2567 ว่า ราคานี้เป็นแค่ตัวเลขเสนอแนะ คำนวนเบื้องต้นจากกกพ.ยึดตัวแปรหลักตัวแปรเดียว คือการชำระหนี้ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือกฟผ.
ส่วนราคาสุดท้ายอยู่ที่ฝ่ายบริหารกระทรวงพลังงาน ภายใต้การกำกับของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานจะเคาะอย่างไร ขอยืนยันว่าราคาขายไฟฟ้าจริงจะไม่ใช่ตัวเลขนี้ และประชาชนผู้ใช้ไฟจะไม่ต้องรับภาระ จนหน้ามืดอย่างแน่นอน
“นายพีระพันธุ์กำลังหาแนวทางลดภาระค่าไฟประชาชน ไม่ให้เจอแรงปะทะหลังปีใหม่ และจะพยายามทำตัวเลขให้ลดลงได้มากที่สุด ใกล้เคียงความเป็นจริงที่กระทรวงจัดการได้ ประมาณ 4.20 บาทต่อหน่วย ใช้กลไกจัดการผสมผสาน หลายขั้นตอนกว่าการลดราคาค่าไฟปกติทั่วไป ไม่ได้ใช้แค่เรื่องประวิงหนี้กฟผ.อย่างเดียว”
นายพงศ์พล กล่าวอีกว่า ราคาดังกล่าวนี้เป็นการบริหารลดค่าครองชีพระยะสั้นให้ประชาชนเท่านั้น ทางกระทรวงพลังงานยังยืนยันจะแก้ไขเชิงโครงสร้าง ก๊าซธรรมชาติ ต้นตอของปัญหาราคาไฟฟ้า และสนับสนุนพลังงานไฟฟ้าสะอาดระยาวต่อไป
ข้อมูลข่าวจาก : ฐานเศรษฐกิจ