ครอบครัว หนุ่ม เมายาคลั่ง เสียชีวิต หลังก่อเหตุกระโดดถีบและใช้ไม้หน้าสามตีตำรวจ จนถูกชาวบ้านรุมประชาทัณฑ์ ติดใจสาเหตุการเสียชีวิต ด้าน ตำรวจแฉประวัติโชกโชน เพิ่งพ้นโทษ 2 ปี หวนกลับมาเสพยาจนอาการคลุ้มคลั่งไล่ทำร้ายชาวบ้านและตำรวจ ลุยค้นบ้านพบหลักฐานสำคัญ
จากกรณี นายวายุ เกิดอาการ เมายาบ้า จนคลุ้มคลั่ง และก่อเหตุกระโดดถีบและใช้ไม้หน้าสามกระหน่ำตีร.ต.ท.วิทยา อาจหาญ รอง สวป.สภ.ภักดีชุมพล จนบาดเจ็บสาหัสมีเลือดคลั่งในสมอง บริเวณถนนภายในหมู่บ้านแหลมทอง ม.1 ต.แหลมทอง อ.ภักดีชุมพล จ.ชัยภูมิ จนต้องนำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ ส่วนนายวายุหลังก่อเหตุได้ถูกชาวบ้านรุมประชาทัณฑ์จนได้รับบาดเจ็บเช่นกัน ก่อนจะเกิดอาการช็อกตาค้างและเสียชีวิตเมื่อวันที่ 8 ต.ค.ที่ผ่านมา
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อวันที่ 9 ต.ค. ที่บ้านของ นายวายุ ผู้ต้องหาที่เสียชีวิต ญาติได้เตรียมจัดงานศพ โดย นายภัทราวุฒิ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 45 ปี อาของนายวายุ กล่าวว่า ตนขอความเป็นธรรมว่าการเสียชีวิตของนายวายุนั้น ทางญาติๆต่างยังติดใจว่าทำไมตำรวจถูกทำร้ายยังนำตัวส่งไปรักษาที่โรงพบยาบาลชัยภูมิได้ แต่ทำไมไม่ส่งตัวนายวายุไปรักษาที่โรงพยาบาลบ้าง ทำไมถึงปล่อยให้นายวายุเสียชีวิต จึงอยากจะขอวอนผู้ที่เกี่ยวข้องช่วยให้ความเป็นธรรมกับหลานชายของตนด้วย
ด้าน พล.ต.ต.สุภากร คำสิงห์นอก รรท.รอง ผบก.ภ.3 พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมพจน์ ขอมปรางค์ผบก.ภ.จว.ชัยภูมิ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบหลังทราบว่านายวายุเสียชีวิตดังกล่าว พร้อมเปิดเผย ว่าได้รับรายงานจาก พ.ต.อ.พีระพงษ์ อุดมพรวัฒนะ ผกก.สภ.ภักดีชุมพล ว่าได้รับแจ้งจากแพทย์โรงพยาบาลภักดีชุมพล ว่าเจ้าหน้าที่ได้นำศพนายวายุส่งไปทำการผ่าพิสูจน์อีกครั้งที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต
พล.ต.ต.สุภากร กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบประวัติของนายวายุ พบเคยติดยาเสพติดและถูกจับกุมดำเนินคดีข้อหามียาเสพติดไว้ในครอบครอง และยังถูกดำเนินในคดีความพยายามข่มขืนและอนาจารหญิงสาวหมู่บ้านเดียวกัน ซึ่งศาลตัดสินจำคุก 2 ปี โดยหลังพ้นโทษออกมาได้ 2 ปี ก็หันกลับไปเสพยาเสพติดจนเกิดอาการคลุ้มคลั่งดังกล่าว ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้พบหลักฐานสำคัญคือกระดาษที่มีลายมือเขียนเป็นตัวหนังสือว่า “ฆ่ามันให้เบิดประเทศ” เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานเพื่อประกอบในสำนวนคดีด้วย
พล.ต.ต.สุภากร กล่าวอีกว่า ขณะนี้ยังไม่มีการสรุปสาเหตุการเสียชีวิตของนายวายุ เนื่องจากพ่อแม่ของผู้ต้องหารายนี้ได้ขอส่งร่างลูกชายไปผ่าชันสูตรที่โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อหาหลักฐานจึงจะสามารถยืนยันการเสียชีวิตที่แน่ชัดได้ ซึ่งเรื่องนี้มีระเบียบอยู่แล้วกรณีที่ผู้ต้องหาเสียชีวิตระหว่างถูกควบคุมตัว ซึ่งตนได้สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงทั้งหมดแล้ว พร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยทุกเรื่องจะต้องสามารถชี้แจงได้ว่าเกิดจากอาการคลุ่มคลั่ง หรืออาการอยากยาจนทำให้เกิดอาการช็อกเสียชีวิตฉับพลัน
พล.ต.ต.สุภากร กล่าวด้วยว่า สำหรับอาการของ ร.ต.ท.วิทยา ยังน่าเป็นห่วง ซึ่งได้ส่งตัวไปทำการผ่าตัดเลือดที่คลั่งในสมองจนทำให้สมองบวมเพื่อช่วยเหลือชีวิต ที่โรงพยาบาลตำรวจแล้ว แต่ก็ต้องช่วยกันเอาใจช่วยว่าจะสามารถยื้อชีวิตต่อไปได้หรือไม่ จึงขอให้ทุกฝ่ายเป็นกำลังใจช่วยกัน