เปิดใจ ส.ต.ต. เผย รู้ข่าวคนร้ายฆ่า “พ่อ” 20 ปีก่อนวกกลับเข้าพื้นที่ มาข่มขู่แม่กับน้องสาว เร่งหาข่าวเพื่อจับกุม แม้มีปืนในมือ แต่เลือกใช้กฎหมายจัดการ ให้กระบวนการยุติธรรมตัดสิน ถ้าไม่ผิดก็ถือว่าช่วยให้เขาได้พิสูจน์ความจริง
เมื่อวันที่ 6 พ.ย. จากกรณี ส.ต.ต.อัษฎาวุฒิ มากประดิษฐ์ ผบ.หมู่ กก.ปพ.บก.สส.ภ.8 ลูกกำพร้าที่มุ่งมั่นตั้งแต่เด็กเพื่อที่จะเป็นตำรวจให้ได้ หลังรู้ข่าวจากแม่ว่าเป็นความหวังของพ่อ ซึ่งพ่อถูกคนร้ายรุมฆ่าตาย และยังเหลือผู้ต้องหาที่ร่วมก่อเหตุอีก 1 คนหลบหนีไปได้ เกือบ 20 ปีไม่ลดละความพยายาม ปี 60 สอบเข้ารับราชการตำรวจจนได้ ก่อนจะสืบสวนหาข่าวด้วยตนเองจนรู้ว่า นายบุญฤทธิ์ ครุฑละออง อายุ 54 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ที่ร่วมฆ่าพ่อย้อนกลับมาที่จ.ชุมพร หลังหนีไปกบดานประเทศมาเลเซีย จึงประสานตำรวจกองปราบปรามจับกุมตัวไว้ได้ก่อนที่คดีจะหมดอายุความเพียง 1 เดือน
ส.ต.ต.อัษฎาวุฒิ กล่าวว่า หลังรู้ข่าวว่านายบุญฤทธิ์ กลับเข้ามาในพื้นที่แรกๆ ค่ำวันหนึ่งเขาเมาแล้วมาตะโกนเรียกแม่ตนที่หน้าบ้าน ซึ่งที่บ้านมีแม่พักอยู่กับน้องสาวสองคน ส่วนตนเองพักอยู่อีกที่ พอแม่มาเล่าให้ฟังว่าเขามาคุกคามรู้สึกเป็นห่วงแม่และน้องมาก จึงรีบออกสืบสวนติดตามตัว และพอเขารู้ว่าตนเป็นตำรวจเขาก็เริ่มจะเกรงกลัวหลบหนีหายไปไม่มาคุกคามที่บ้านอีก ต่อมาสืบทราบว่านายบุญฤทธิ์ มารับจ้างขับรถไถที่สวนปาล์ม หมู่ 2 ต.สองพี่น้อง อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร จึงประสานกองปราบจับกุม
“ผมไม่ได้โกรธแค้นอะไรเขาเป็นการส่วนตัวนะ ตอนจับได้ก็ยังไปถามว่าเขาฆ่าพ่อผมจริงหรือเปล่า แต่เขาก็ปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นคนแทงพ่อผม เพื่อนอีกคนเป็นคนแทง หากเขาไม่ได้ฆ่าพ่อผม ผมก็อยากช่วยเขานะ แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องไปสู้คดีกันในชั้นศาล ผมเป็นตำรวจ ผมมีปืน แต่ผมเลือกที่จะใช้กฎหมายเล่นงานคนที่ฆ่าพ่อผม อีกทั้งไม่เคยมีความคิดจะลงมือฆ่าเขาให้ตายตกตามกันเลย ให้กระบวนการยุติธรรมเป็นคนตัดสิน” ส.ต.ต.อัษฎาวุฒิ กล่าว.
รายละเอียดข่าวจาก