มูลนิธิสืบฯ ร้องนายกฯ ผู้พิทักษ์ป่าถูกเลิกจ้างกว่า 50% หลัง ปรับลดงบ ก.ทรัพยากรฯ ด้าน‘วราวุธ’เห็นในนายกฯ และสำนักงบฯ คาดปรับตามความเหมาะสม แก้ปัญหาโควิด
มูลนิธิสืบฯ ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี พิจารณาการจัดสรรงบประมาณจ้างงานของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า หลังมีการปรับลดงบประมาณของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ กระทบพนักงานจ้างเหมาของอุทยานและอาจถูกเลิกจ้างสูงถึง 50 เปอร์เซ็นต์
เมื่อวันที่ 12 ม.ค. มูลนิธิสืบนาคะเสถียร โดยนายภาณุเดช เกิดมะลิ เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ทำหนังสือร้องเรียนถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรื่อง โปรดพิจารณาทบทวนการจัดสรรงบประมาณในการจัดจ้างพนักงานพิทักษ์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โดยมีรายเอียดดังนี้
สืบเนื่องจากกรณีการปรับลดงบประมาณของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 เหลือเพียง 8,534 ล้านบาท จากเดิมในปี 2564 ได้งบประมาณ 16,143 ล้านบาท หรือลดลงกว่า 47 เปอร์เซ็นต์ ประกอบกับการจัดเก็บเงินรายได้อุทยานแห่งชาติจำนวน 155 แห่ง จากค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานฯ ในปี 2564 นั้นลดลงกว่า 975 ล้านบาท
โดยมีเงินรายได้จากค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานฯ จำนวน 390,862,987 ล้านบาท ลดลงจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ที่จัดเก็บเงินรายได้รวมกว่า 1,366,711,004 ล้านบาท นั้นได้ส่งผลกระทบต่อกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ต่อการจัดจ้างพนักงานพิทักษ์ป่า (พนักงานจ้างเหมา) ในการดูแลและคุ้มครองผืนป่าและสัตว์ป่า ในพื้นที่อนุรักษ์ ซึ่งถูกเลิกจ้างถึง 50 เปอร์เซ็นต์
พนักงานพิทักษ์ป่าคือบุคลากรสำคัญของการดูแลปกป้องทรัพยากรธรรมชาติจากการใช้ระบบการลาดตระเวนเชิงคุณภาพ (SMART Patrol) ที่ต้องใช้บุคลากรในการเดินลาดตระเวนพร้อมเก็บข้อมูลเชิงนิเวศ เพื่อนำไปสู่การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ การขาดบุคลากรเหล่านี้มีผลโดยตรงต่อการปกป้องทรัพยากรธรรมชาติ ผืนป่า และสัตว์ป่าของประเทศ
มูลนิธิสืบนาคะเสถียร เป็นองค์กรที่ทำงานด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ผืนป่า และสัตว์ป่า ซึ่งได้สนับสนุนและทำงานร่วมกับกรมอุทยานฯ มาอย่างต่อเนื่องจนเกิดรูปธรรมด้านการดูแลทรัพยากรธรรมชาติ ผ่านการลาดตระเวนเชิงคุณภาพอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในกลุ่มป่าตะวันตก
ทำให้ทรัพยากรธรรมชาติคงอยู่ได้ สัตว์ป่าที่ใกล้สูญพันธุ์สามารถฟื้นฟูจำนวนประชากร ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากการทำงานอย่างหนักของพนักงานพิทักษ์ป่า ทว่าการเลิกจ้างพนักงานพิทักษ์ป่าจะทำให้เกิดผลกระทบต่อการบริหารจัดการพื้นที่ และป้องปรามภัยคุกคามต่าง ๆ และยังกระทบต่อสวัสดิภาพ สวัสดิการ และคุณภาพชีวิตของคนทำงานระดับล่าง
มูลนิธิฯ จึงขอให้ท่านนายกรัฐมนตรี โปรดพิจารณาทบทวนการจัดสรรงบประมาณด้านสิ่งแวดล้อม ปีงบประมาณ 2565 อีกครั้ง และหารือแนวทางแก้ไขสภาพปัญหาดังกล่าว เพื่อให้งานดูแลทรัพยากรธรรมชาติ ผืนป่า และสัตว์ป่า อันเป็นฐานแห่งความมั่นคงของประเทศ และเป็นตัวแปรสำคัญของการต่อสู้กับวิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่เป็นปัญหาระดับโลก ให้คงอยู่และยังประโยชน์สืบต่อไปภายภาคหน้า
วราวุธเห็นใจนายก
ด้านนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า เห็นใจนายกรัฐมนตรี และสำนักงบประมาณ ในการตัดลดงบประมาณแต่ละกระทรวงที่มี 20 กระทรวง ซึ่งแต่ละกระทรวงมีมิติความสำคัญแตกต่างกันไป ในส่วนของกระทรวงทรัพยากรฯ ที่ดูแลด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้ยั่งยืน และงบประมาณที่ได้มาแต่ละปีก็น้อยกว่าเนื้องานที่เราได้ทำลงไป ซึ่งการตัดลดงบประมาณของรัฐบาลสืบเนื่องมาจากสถานการณ์โควิด-19 ที่จำเป็นต้องจัดสรรไปแก้ปัญหาโควิด
นายวราวุธ กล่าวอีกว่า ทุกบาททุกสตางค์ที่กระทรวงทรัพยากรฯ ได้รับมาจะนำไปใช้อย่างเป็นประโยชน์สูงสุด แต่หากขาดเหลืออะไรก็สามารถไปของบกลางเพิ่มเติมได้ ซึ่งตนเข้าใจในความห่วงใยของมูลนิธิสืบฯ แต่อยากให้เข้าใจว่ารัฐบาลต้องแก้ปัญหาโควิด-19 ทั้งนี้งบประมาณที่ได้มา กระทรวงทรัพยากรฯ จะจัดสรรให้งานด้านการดูแล อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
ข้อมูลข่าวจาก มติชนออนไลน์