เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2565 จากกรณีเด็กนักเรียนชายอายุ 14 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.2 จัดอยู่ในกลุ่ม LGBTQ (กลุ่มเพศทางเลือก) ตัดสินใจผูกคอเสียชีวิตภายในบ้านพักหลังเลิกเรียนเมื่อวันที่ 17 พ.ย.65 ที่ผ่านมา และมีผู้นำมาโพสต์ในโลกโซเชียลไปทั่วในขณะนี้ ซึ่งสังคมรอบข้าง คนในครอบครัวของน้องติดใจว่าเกิดจากปมปัญหาจากการถูกบูลลี่ จากความน้อยใจ ก่อนที่น้องจะเขียนจดหมายทิ้งไว้ลาปู่และย่า ฝากดูแลน้องสาวอีกคนให้ด้วย
จากกรณีดังกล่าว ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางลงพื้นที่ไปยังหมู่ 8 ต.เพชรภูเขียว อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ เพื่อเข้าสอบถามญาติพี่น้องของเด็กวัย 14 ปีรายนี้ที่คิดสั้นจนตัดสินใจผูกคอเสียชีวิตคาบ้านในครั้งนี้ ซึ่งญาติเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายนที่ผ่านมา หลังจากที่น้องวัย 14 ปี นักเรียนชั้น 2 เลิกเรียนกลับมาบ้าน โดยปกติแล้วจะอยู่อาศัยอยู่กับปู่ ย่าและน้องสาวอีก 1 คน ปู่ของน้องผู้เสียชีวิตเล่าว่า ในวันเกิดเหตุคิดว่าหลานกลับมาจากโรงเรียนแล้วออกไปเล่นนอกบ้าน แต่เมื่อเปิดบ้านเข้าไปก็เห็นว่าหลานได้ผูกคอเสียชีวิตแล้ว
และได้มีการทำพิธีฌาปนกิจไปเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยมีผู้เป็นพ่อและแม่ที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด ญาติพี่น้อง รวมถึงเพื่อนกลุ่มนักเรียนและคณะครูในสถานศึกษาที่น้องได้เรียนอยู่เดินทางมาร่วมงานด้วยความอาลัย
ผู้เป็นปู่วัย 63 ปี ได้พาผู้สื่อข่าวเดินดูบรรยากาศรอบๆ บ้าน แม้กระทั่งห้องนอนของน้อง รวมถึงจุดที่น้องผูกคอเสียชีวิตภายในบ้าน โดยกล่าวว่า ปกติน้องก็เป็นเด็กร่าเริงดี ไม่คิดว่าหลานจะมาคิดสั้นแบบนี้ โดยส่วนตัวแล้วปู่ก็คิดว่าหลานอาจจะมีความเครียดจากการที่โรงเรียนได้มีคำสั่งให้ตัดผม และน้องเองก็ตัดผมไปถึง 2 ครั้งแล้ว แต่ก็ยังไม่ถูกระเบียบ ก็ยังไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นมากไปกว่านั้นหรือไม่ เพราะน้องเป็นคนรักสวยรักงาม ซึ่งมีเพียงแค่เรื่องนี้เท่านั้นที่น้องเคยพูดบ่นกับผู้เป็นย่าในช่วงสัปดาห์ก่อนหน้าที่จะเสียชีวิต
ขณะที่ผู้เป็นย่าน้องเล่าว่า หลานก่อนที่จะตัดสินใจคิดสั้น ก่อนหน้านั้นหลานก็บ่นให้ย่าฟังในเรื่องของการที่โรงเรียนให้มีการตัดผมให้ถูกระเบียบ และก็ได้มีการแก้ไขตามที่โรงเรียนบอกที่ตัดผมไปแล้วถึง 2 ครั้ง แต่ก็ยังไม่ถูกระเบียบ แต่ในเรื่องที่จะถูกดูถูกล้อเลียนภายในโรงเรียนจากใครคนใดคนหนึ่งเรื่องนี้ย่าก็ว่าน่าจะมี แต่ไม่ทราบจริงๆ ว่าเป็นใคร เพราะโดยปกติแล้วหลานชายของตนเป็นเด็กที่ร่าเริง เวลามีเรื่องเครียดหนักๆ จริงๆ จึงจะมาเล่าให้ย่าฟัง แต่ก็ไม่คิดว่าหลานจะมาคิดสั้นและจากไปแบบรวดเร็วขนาดนี้
ส่วนเรื่องที่จะทำให้ส่งผลกระทบถึงจิตใจ หรือความรู้สึกของหลาน เรื่องนี้ย่าก็ยังเดาไม่ถูกว่าเกิดจากสาเหตุใด ซึ่งตัวย่าเองก็ยังคงทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จนกระทั่งในวันที่เกิดเหตุตัวย่าเองก็ถึงกับเป็นลม รู้เพียงว่าหลานชายชั้น ม.2 ได้เขียนจดหมายฝากให้ปู่กับย่าไว้ 1 ฉบับเท่านั้น ซึ่งหากพูดกับหลานได้ ณ เวลานี้ก็อยากบอกว่าย่าคิดถึงหลานจนแทบไม่อยากทำอะไรต่อไปจากนี้อีกเลย
และจากกรณีที่เกิดขึ้นที่มีกระแสจากหลายด้านที่พูดถึงการบูลลี่เด็กวัย 14 ปี ที่กำลังศึกษาอยู่ชั้น ม.2 ที่อาจจะมีการถูกบูลลี่เรื่องกลุ่มเพศทางเลือกภายในโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ มุมมองส่วนใหญ่ในการบูลลี่ในครั้งนี้พุ่งประเด็นความสงสัยไปที่การกดดันของโรงเรียนด้วยหรือไม่
ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางเข้าพบผู้บริหารและคณะครูภายในโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.ภูเขียว ผู้บริหาร คณะครู รวมถึงครูที่ปรึกษาประจำชั้น เปิดห้องประชุมชี้แจงกรณีที่เกิดขึ้น โดยกล่าวว่า โรงเรียนไม่ได้มีคำสั่งให้ตัดผมในเด็กนักเรียนชั้น ม.1 และ ม.2 มีเพียงคำสั่งตรวจระเบียบการตัดผมของนักเรียน ม.3 และ ม.6 เท่านั้น ยืนยันไม่ได้สั่งให้น้อง หรือเด็ก ม.2 ต้องไปตัดผมให้ถูกระเบียบ
ส่วนกรณีที่คิดว่ามีการบูลลี่จากครูฝ่ายปกครอง โรงเรียนยังไม่พบกรณีดังกล่าว แต่ก็จะทำการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงขึ้น โดยละเอียดอีกครั้ง หากพบว่ามีการกระทำความผิดของบุคลากรภายในโรงเรียนจนทำให้เกิดเรื่องราวเช่นนี้ ก็จะพิจารณาลงโทษตามขั้นตอน และคนที่ทำให้น้องตัดสินใจคิดสั้นเช่นนี้ก็อาจจะมาจากหลายด้าน ซึ่งก็ยังชี้ชัดไม่ได้ว่าเกิดจากสาเหตุใดและเกิดจากใคร ซึ่งในเบื้องต้นโรงเรียนก็ต้องยอมรับว่าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงคณะครูก็ได้ไปร่วมทำบุญ และร่วมไว้อาลัยในงานฌาปนกิจของน้อง โดยคณะครู ผู้บริหาร ก็มิได้อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเช่นกัน
ข่าวจาก : มติชนออนไลน์