นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า เห็นชอบหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝนปี 2565 โดยได้อนุมัติกรอบวงเงินกว่า 6,258 ล้านบาท สำหรับจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยจำนวนกว่า 1,046,460 ครัวเรือนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และอีก 66 จังหวัดตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการจ่ายเงินช่วยเหลือ โดยให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นหน่วยงานรับงบประมาณและจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยผ่านธนาคารออมสิน ให้เบิกจ่ายในงบเงินอุดหนุนลักษณะเงินอุดหนุนทั่วไปและให้สามารถถัวจ่ายข้ามจังหวัดได้ด้วย เงินช่วยเหลือมีอัตราตั้งแต่ 5,000-9,000 บาท ได้แก่ กรณีที่อยู่อาศัยประจำอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมขัง ติดต่อกันตั้งแต่ 1 วัน แต่ไม่เกิน 7 วัน และทรัพย์สินได้รับความเสียหาย หรือถูกน้ำท่วมขังเกินกว่า 7 วัน แต่ไม่เกิน 30 วัน ได้รับเงินช่วยเหลือ 5,000 บาท กรณีที่พักอาศัยอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมขัง ติดต่อกันเกินกว่า 30 วัน แต่ไม่เกิน 60 วัน ได้รับเงินช่วยเหลือ 7,000 บาท และกรณีที่พักอาศัยอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมขังติดต่อกันเกิน 60 วัน ขึ้นไปให้ความช่วยเหลือครัวเรือนละ 9,000 บาท
สำหรับหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือ ต้องเป็นกรณีอุทกภัยที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อที่อยู่อาศัยในช่วงฤดูฝนปี 2565 ตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม – 28 ตุลาคม 2565 ทั้งกรณีน้ำท่วมโดยฉับพลัน น้ำไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง รวมถึงการระบายน้ำ จนส่งผลกระทบทำให้ไม่สามารถดำรงชีวิตได้ ลักษณะที่อยู่อาศัยประจำ กรณีแรกต้องเป็นที่อยู่อาศัยที่มีทะเบียนบ้าน กรณีที่สอง ถ้าเป็นบ้านเช่า ผู้เช่าจะเป็นผู้ได้รับเงินช่วยเหลือ หากเป็นที่อยู่อาศัยอื่นๆ ที่ประสบภัยที่ไม่ได้อยู่ใน 2 กรณีแรก ทั้งนี้ไม่รวมถึงบ้านพักที่หน่วยงานราชการจัดให้
ทั่งนี้เงื่อนไขการจ่ายเงินช่วยเหลือ ต้องเป็นบ้านที่อยู่อาศัยประจำในพื้นที่ที่ได้ประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย และอยู่ในเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน กรณีที่ประสบภัยหลายครั้ง ให้ได้รับความช่วยเหลือเพียงครั้งเดียว
หลักฐานการขอรับความช่วยเหลือ คือ บัตรประจำตัวประชาชน และหลักฐานอย่างใดอย่างหนึ่ง ได้แก่ สำเนาทะเบียนบ้านที่พักอาศัย สัญญาเช่าบ้าน กรณีเป็นที่อยู่อาศัยอื่นให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้านผู้บริหารท้องถิ่น ร่วมกับผู้นำชุมชนตรวจสอบข้อเท็จจริง และลงนามรับรองร่วมกันอย่างน้อย 2 ใน 3 จะเป็นจ่ายเงินช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยผ่านธนาคารออมสินในระบบพร้อมเพย์