Connect with us

Breaking News

ทลายแก๊งปล่อยกู้ดอกเบี้ยโหดผ่านแอปฯ รวบนายทุนจีนพร้อมพวก 19 ราย มียอดเงินหมุนเวียนกว่า 1,500 ล้านบาท

Published

on

ในช่วงระหว่างปลายปี 64 ถึงปี 65 ได้มีผู้เสียหายมาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. กรณีกู้เงินมาจากแอปพลิเคชันเงินกู้นอกระบบชื่อ กระเป๋าให้ท่านมีที่ยืม และ Self service รวมถึงแอปพลิเคชันอื่นที่เกี่ยวข้องอีกกว่า 40 แอปพลิเคชัน โดยเรียกดอกเบี้ยโหดกว่าร้อยละ 2,080 ต่อปี นอกจากนั้นยังมีพฤติการณ์ข่มขู่จะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกหนี้ เป็นเหตุให้ประชาชนได้รับความเสียหาย จากกรณีดังกล่าว ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปน.ตร.)  นำโดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปน.ตร., พล.ต.ท.สราวุฒิ การพานิช ผู้ช่วย ผบ.ตร./ รอง ผอ.ศปน.ตร., พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศปน.ตร. ได้สั่งการให้ บช.ก. เร่งรัดปราบปรามแอปพลิเคชันเงินกู้นอกระบบที่เอารัดเอาเปรียบประชาชน เรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตรากว่าที่กฎหมายกำหนด และมีการข่มขู่คุกคามผู้กู้ให้ได้รับความเดือดร้อน พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. จึงได้มอบหมายให้ บก.ปอศ. โดย พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. ดำเนินการสืบสวนหาเครือข่ายผู้กระทำความผิดดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

ต่อมาวันที่ 15 ธ.ค.65 พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบช.ภ.1 /หัวหน้าชุดปฏิบัติการส่วนกลาง ศปน.ตร. พร้อมด้วยชุดปฏิบัติการ บก.ปอศ. ร่วมบูรณาการกับ น. ภ.1 ภ.2 ภ.5 และ ภ.7 รวมกำลังทั้งสิ้นกว่า 100 นาย บุกทลายเครือข่ายลักลอบปล่อยเงินกู้นอกระบบผ่านแอปพลิเคชันชื่อ “Self service” และ แอปพลิเคชันอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกว่า 40 แอปพลิเคชัน ซึ่งมีพฤติการณ์ในการปล่อยเงินกู้ เรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด ทวงถามหนี้โดยส่งข้อความข่มขู่คุกคามผู้เสียหาย ซึ่งจากการสืบสวนพบว่ามีกลุ่มทุนชาวจีนอยู่เบื้องหลัง โดยเจ้าหน้าที่สามารถพิสูจน์ทราบบุคคลที่เกี่ยวข้องกับแอพลิเคชั่นดังกล่าว และออกหมายจับผู้ต้องหาจำนวน 23 หมาย ผู้ต้องหา 22 ราย และได้ปฏิบัติการเข้าตรวจค้นเป้าหมายจำนวน 22 จุด ในพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี เชียงราย พะเยา ชลบุรี และ ประจวบคีรีขันธ์

โดยผู้ต้องหาทั้ง 19 ราย จะถูกดำเนินคดีในความผิดฐาน “ร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับเป็นทางการค้าปกติโดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, ร่วมกันให้กู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด และร่วมกันทวงถามหนี้ในลักษณะข่มขู่”

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังสามารถตรวจยึดของกลางได้ รวม 7 รายการ ประกอบด้วย

1. สมุดบัญชีเงินฝาก จำนวน 5 เล่ม

2. คอมพิวเตอร์ จำนวน 3 เครื่อง

3. บัตรอิเล็คทรอนิกส์ จำนวน 3 ใบ

4. โทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง

5. ซิมการ์ด จำนวน 4 ซิม

6. เราเตอร์ จำนวน 1 เครื่อง

7. อุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ จำนวน 5 เครื่อง

และได้อายัดบัญชีเงินฝากที่เกี่ยวข้อง จำนวน 33 บัญชี ยอดเงิน 5,293,869.77 บาท

จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่าแอพลิเคชั่น กระเป๋าให้ท่านมีที่ยืม และ  Self service มีลักษณะคล้ายกันโดยเมื่อดาวน์โหลดแอปพลิชันแล้ว จะพบว่าภายในแอปพลิชันดังกล่าวมีแอปพลิเคชันย่อยแอบแฝงอยู่กว่า 40 แอปพลิเคชัน ซึ่งลูกหนี้สามารถเลือกกู้เงินได้ โดยมีการคิดค่าบริการร้อยละ 40  ของยอดเงินกู้ ต่อ 7 วัน หรือคิดดอกเบี้ยกว่า ร้อยละ 2,080 ต่อปี เมื่อลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ตามกำหนดเวลา ก็จะโทรศัพท์และส่งข้อความมาทวงถาม ในลักษณะข่มขู่คุกคามว่าจะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล จากการสืบสวนเพิ่มเติม พบว่าผู้อยู่เบื้องหลังคือนายทุนชาวจีนที่เป็นผู้รับผลประโยชน์และเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้กับแอปพลิเคชันดังกล่าว ซึ่งหลังจากที่มีการเปิดปฏิบัติการทลายแก๊งปล่อยเงินกู้ในครั้งนี้ มีความพยายามจะหลบหนีไปออกนอกประเทศ แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปน.ตร. และชุดปฏิบัติการส่วนกลางติดตามจับกุมตัวได้ในที่สุด

ในส่วนของแอปพลิเคชัน “กระเป๋าให้ท่านมีที่ยืม” มีแอปพลิเคชันอื่นที่เกี่ยวข้องกว่า 20 แอปพลิเคชัน จากการตรวจสอบพบว่าไม่เคยได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้กำกับแต่อย่างใด โดยภายในระยะเวลา 6 เดือน กลุ่มคนร้ายใช้บัญชีธนาคารกว่า 20 บัญชี ในการกระทำความผิด มียอดเงินหมุนเวียนสูงถึง 1,000 ล้านบาท เมื่อได้กำไรจากการปล่อยเงินกู้นอกระบบแล้วจะรีบโอนเงินออกเป็นทอดๆ ในระยะเวลาที่รวดเร็ว และในส่วนของแอปพลิเคชัน “Self service” พบว่าไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้กำกับเช่นเดียวกัน โดยภายในระยะเวลา 6 เดือน พบว่ากลุ่มคนร้ายใช้บัญชี 11 บัญชี ในการก ระทำความผิด มียอดเงินหมุนเวียนกว่า 1,500 ล้านบาท และมีการโอนเงินออกเป็นทอดๆ เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ ทั้งสองแอพลิเคชั่นมีการนำกำไรดังกล่าวไปซื้อเป็นเหรียญคริปโตเคอเรนซี่ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ สินค้าและบริการ เพื่อให้ยากต่อการถูกตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ในวันนี้ ศปน.ตร. ซึ่งมีหน้าที่ในการปราบปรามแก๊งเงินกู้นอกระบบ ซึ่งปัจจุบันมีการกระทำผิดในหลายรูปแบบ ซึ่งปฏิบัติการในครั้งนี้ได้เข้าทลายแก๊งเงินกู้นอกระบบผ่านแอพลิเคชั่น ซึ่งทำให้สามารถเข้าถึงผู้ที่ต้องการกู้ได้ง่ายมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้กู้ผ่านทางโทรศัพท์มือถือหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งแก๊งเหล่านี้จะเอามาใช้ในการข่มขู่เพื่อให้ผู้กู้ยินยอมชำระดอกเบี้ยมหาโหดถึงร้อยละ 40 ต่อ 7 วัน หรือร้อยละ 2,080 ต่อปี เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องรวมทั้งนายทุนชาวจีนที่อยู่เบื้องหลังแอพลิเคชั่นดังกล่าว พร้อมทั้งยึดทรัพย์สินและบัญชีที่ใช้ในการกระทำความผิดได้ ซึ่งจากนี้จะสั่งการให้มีการตรวจสอบทรัพย์สินเพิ่มเติมที่ติดตามยึดอายัดเพื่อนำมาดำเนินคดีตามกฎหมาย และจะมีการตรวจสอบการกระทำผิดในลักษณะของการปล่อยเงินกู้นอกระบบ เพื่อนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายต่อไป หากพี่น้องประชาชนคนใดได้รับความเดือดร้อนจากแก๊งเงินกู้ หรือมีเบาะแสที่เป็นประโยชน์ สามารถแจ้งได้ที่ช่องทาง 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือสามารถแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ได้เช่นกัน

สุดท้ายนี้ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  ขอฝากเตือนภัยถึงประชาชน อย่าหลงเชื่อในการกู้เงินจากแหล่งเงินกู้นอกระบบ ซึ่งไม่มีความน่าเชื่อถือและไม่ได้รับอนุญาต รวมทั้งยังเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ขอให้ใช้ความระมัดระวังในการอนุญาตให้ผู้อื่นเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลทางช่องทางต่างๆ เช่น การอนุญาตให้เข้าถึงข้อมูลโทรศัพท์ หากต้องการตรวจสอบแหล่งเงินกู้ที่ถูกต้องตามกฎหมาย สามารถตรวจสอบใบอนุญาตการปล่อยสินเชื่อได้ที่ช่องทางดังต่อไปนี้ 

– ธนาคารแห่งประเทศไทย เว็บไซต์ https://www.bot.or.th/app/BotLicenseCheck  

– สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เว็บไซต์ http://www.1359.go.th/picodoc/comp.php

ช่องทางการติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม พ.ต.ต.วรวุฒิ คงรักษา สว.กก.5 บก.ปอศ. โทร 094-439-2557 หรือ พ.ต.ต.สุทธิพงษ์ จันทพันธ์ สว.กก.5 บก.ปอศ. โทร 092-938-8593

“ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด”

ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก : POLICETV สถานีโทรทัศน์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

Breaking News

กรมอนามัย เปิดรับสมัครสอบบรรจุเข้ารับราชการ 28 อัตรา (บรรจุทั่วประเทศ)

Published

on

(เพิ่มเติม…)

Continue Reading

Breaking News

ธ.ก.ส. เปิดรับสมัครบุคคลภายนอกเพื่อเป็นพนักงาน (ทั่วประเทศ)  620 อัตรา 

Published

on

ประกาศธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เรื่อง การรับสมัครบุคคลภายนอกเพื่อเป็นพนักงานพัฒนาธุรกิจ ระดับ 4 ปฏิบัติงานประจำสาขาและสำนักงาน ธ.ก.ส. จังหวัด ปีบัญชี 2566 จำนวน 620 อัตรา รายละเอียดดังนี้

ตำแหน่งที่เปิดรับสมัคร
1.ตำแหน่ง พนักงานพัฒนาธุรกิจ ระดับ 4

หน้าที่ความรับผิดชอบ
 ปฏิบัติงานด้านสินเชื่อตามวิธีปฏิบัติของธนาคาร (การขึ้นทะเบียนเป็นลูกค้า วิเคราะห์วงเงินกู้ ตรวจสอบและจัดทำหลักประกันเงินกู้ การจำนอง การไถ่ถอน-จำนอง และนิติกรรมอื่นๆ) ปฏิบัติงานด้านบริหารจัดการหนี้
ตามวิธีปฏิบัติของธนาคาร (ตรวจสอบการใช้เงินกู้ ติดตาม เร่งรัดการชำระหนี้ จัดทำสัญญาการรับใช้หนี้ รวบรวม และจัดทำข้อมูลประกอบการพิจารณาจัดชั้นลูกหนี้) ปฏิบัติงานโครงการพัฒนาลูกค้า และนโยบายรัฐตามที่ได้รับ
มอบหมาย ติดตาม กำกับ ตรวจสอบการดำเนินงานของสถาบันเกษตรกรและช่วยแก้ไขปัญหา ข้อบกพร่อง ข้อทุจริต ของสถาบันเกษตรกร รายงานผลการด าเนินงาน วิเคราะห์ปัญหา อุปสรรค และเสนอแนวทางแก้ไขปรับปรุง พัฒนาให้มีประสิทธิภาพ

ประมาณการจำนวนที่ธนาคารต้องการ
 จำนวนความต้องการประมาณ 620 อัตรา โดยเป็นประมาณการความต้องการ 2 ปี ในภาพรวมของธนาคารซึ่งอัตราว่างของแต่ละภูมิภาคจะขึ้นอยู่กับรอบการบรรจุพนักงานใหม่ของธนาคาร แบ่งเป็น 4 ภูมิภาค
ประกอบด้วย
1. ภาคเหนือ (เชียงใหม่ ล าพูน ล าปาง แม่ฮ่องสอน เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน
พิษณุโลก ตาก เพชรบูรณ์ สุโขทัย อุตรดิตถ์ นครสวรรค์ อุทัยธานี กำแพงเพชร และพิจิตร)
2. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ขอนแก่น อุดรธานี หนองคาย หนองบัวลำภู เลย สกลนคร
นครพนม มุกดาหาร กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด มหาสารคาม บึงกาฬ นครราชสีมา สุรินทร์ ชัยภูมิ บุรีรัมย์
อุบลราชธานี ศรีสะเกษ ยโสธร และอำนาจเจริญ)
3. ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันตก (กรุงเทพมหานคร พระนครศรีอยุธยา
สระบุรี ลพบุรี สิงห์บุรี ชัยนาท นนทบุรี ปทุมธานี อ่างทอง ชลบุรี ฉะเชิงเทรา นครนายก ปราจีนบุรี
สมุทรปราการ สระแก้ว ระยอง จันทบุรี ตราด ราชบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม กาญจนบุรี เพชรบุรี
ประจวบคีรีขันธ์ สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม)
4. ภาคใต้ (สุราษฎร์ธานี ชุมพร ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ สงขลา นครศรีธรรมราช
ตรัง พัทลุง ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และสตูล)

คุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง
1. อายุไม่เกิน 35 ปีบริบูรณ์ (นับถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2566)
2 ต้องสำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่าจากสถาบันการศึกษา ที่ ก.พ. รับรอง (ภายในวันที่31 พฤษภาคม 2566) ในด้านที่เกี่ยวกับ การเกษตร วิทยาศาสตร์เกษตรและเทคโนโลยี ที่เกี่ยวเนื่อง ศึกษาศาสตร์เกษตร ครุศาสตร์เกษตร คอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีสารสนเทศ คณิตศาสตร์ สถิติ พัฒนาชุมชนและสังคม การบริหารการคลัง นโยบายสาธารณะ เศรษฐศาสตร์ บัญชี บริหารธุรกิจ บริหารรัฐกิจ การตลาด การจัดการทั่วไป สหกรณ์ รัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ หรือสาขาอื่นที่เกี่ยวข้องจากสถาบันการศึกษาที่ ก.พ. รับรอง ตามด้านที่ธนาคารกำหนด โดยปริญญาบัตร หรือใบรายงานผลการศึกษา (Transcript) ระบุว่าเป็น สาขาวิชา/วิชาเอก/ โปรแกรมวิชา/แขนงวิชา (Major) เท่านั้น ธนาคารจะพิจารณาวุฒิการศึกษาเทียบเคียงตามการรับรองคุณวุฒิของ สำนักงาน ก.พ. (http://accreditation.ocsc.go.th) และให้ยึดถือคำวินิจฉัยของธนาคารเป็นที่สิ้นสุด
3 ต้องมีใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ และ ใบอนุญาตขับรถยนต์ ซึ่งยังไม่หมดอายุ(ภายในวันที่สอบสัมภาษณ์) และต้องนำมายื่นในวันที่มีสิทธิ์สอบสัมภาษณ์ หากเกินวันที่ธนาคารกำหนด จะถือว่า เป็นผู้ไม่มีคุณสมบัติถูกต้องตามประกาศ ธนาคารจะตัดรายชื่อออกจากประกาศรายชื่อทุกขั้นตอน

การรับสมัคร
ผู้ที่สนใจและมีคุณสมบัติครบถ้วนถูกต้องตามประกาศของธนาคาร สามารถสมัคร ผ่านเว็บไซต์ https://baac.thaijobjob.com (ระบุตำแหน่งที่ต้องการสมัคร “พนักงานพัฒนาธุรกิจ ระดับ 4” ระบุประเภท “บุคคลภายนอก”) ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่เว้นวันหยุดราชการ ตั้งแต่วันที่ 24 – 31 พฤษภาคม 2566 (ยกเว้นวันสุดท้ายปิดรับสมัครภายใน เวลา 16.30 น.)

Continue Reading

Breaking News

ศธ.ยุบ กศน.เปลี่ยนสถานะเป็นกรมส่งเสริมการเรียนรู้เต็มรูปแบบ

Published

on

(เพิ่มเติม…)

Continue Reading

Trending

Copyright © 2022 katipnews.com กระติบนิวส์