พาณิชย์เคาะราคาประกันรายได้ข้าว งวดที่ 3 ให้ความมั่นใจได้เงินแน่ถ้วนหน้า
นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม รองอธิบดีรักษาราชการแทนอธิบดีกรมการค้าภายใน ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว เปิดเผยว่าได้พิจารณาราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงและการชดเชยส่วนต่างราคาตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 2563/64 งวดที่ 3 โดยมีมติจ่ายเงินส่วนต่างให้กับเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2563/64 ที่ระบุวันที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยวตั้งแต่วันที่ 16 – 22 พ.ย.2563 จำนวน 5 ชนิด คือ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี และข้าวเปลือกเหนียว
เพราะทุกชนิดยังมีราคาต่ำกว่าราคาเป้าหมายที่กำหนดตามโครงการที่ประกันรายได้ โดยผลการพิจารณาราคาตลาดปัจจุบันกับราคาที่เป้าหมาย พบว่า ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิอยู่ที่ตันละ 11,940.67 บาท มีส่วนต่างที่ต้องจ่ายตันละ 3,059.33 บาท , ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 11,718.59 บาท มีส่วนต่างตันละ 2,281.41 บาท , ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 8,963.80 บาท มีส่วนต่างตันละ 1,036.20 บาท , ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 9,944.39 บาท มีส่วนต่างตันละ 1,055.61 บาท และข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 11,003.42 บาท มีส่วนต่างตันละ 996.58 บาท ทั้งนี้ ราคาข้าวในตลาดมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากยังคงมีความต้องการของตลาดสูงอยู่
ในส่วนของงบประมาณโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2563/64 ที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเบื้องต้น เมื่อวันที่ 3 พ.ย.2563 จะใช้สำหรับจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างราคาให้กับเกษตรกรในงวดที่ 1 และ 2 ที่แจ้งวันที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยวจนถึงวันที่ 14 พ.ย. 2563 ส่วนการจ่ายเงินสำหรับเกษตรกรที่แจ้งวันที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยวตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย. 2563 เป็นต้นไป
ขณะนี้ ธกส. ได้เตรียมเงินสำหรับจ่ายชดเชยโครงการประกันรายได้ข้าวอย่างเพียงพอเรียบร้อยแล้ว และกระทรวงพาณิชย์ได้เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติกรอบวงเงินชดเชยประกันรายได้ข้าว และเมื่อ ครม. อนุมัติก็จะโอนเงินให้เกษตรกรได้ทันที เมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ จึงฝากไปถึงเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2563/64 กับกรมส่งเสริมการเกษตรว่าจะได้รับเงินตามโครงการอย่างแน่นอน