กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้รับการจัดสรรงบประมาณ ปี 2565 จากการประชุม ครม. นัดล่าสุดวงเงินรวมกว่า 201 แสนล้านบาท ซึ่งจะทำให้คนไทยทุกคนสามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุขได้อย่างทั่วถึงโดยมีรายการต่าง ๆ ดังนี้
1. ค่าบริการทางการแพทย์เหมาจ่ายรายหัว
2. ค่าบริการสาธารณสุขผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ ผู้มีสิทธิจำนวน 445,964 คน
3. ค่าบริการผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง
4. ค่าบริการเพื่อควบคุม ป้องกัน และรักษาโรคเรื้อรัง ผู้มีสิทธิจำนวน 9,7,280 คน(เบาหวาน ความดันโลหิตสูง จิตเวชเรื้อรัง)
5. ค่าบริการสาธารณสุขเพิ่มเติมสำหรับหน่วยบริการในพื้นที่กันดาร พื้นที่เสี่ยงภัย และพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 207 แห่ง
6. ค่าบริการสาธารณสุขสำหรับผู้มีภาวะพึ่งพิงในชุมชน
7. ค่าบริการสาธารณสุขเพิ่มเติมสำหรับการบริการระดับปฐมภูมิที่มีแพทย์ประจำครอบครัว(ทีม PHC)
8. ค่าบริการสาธารณสุขร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
9. ค่าบริการสาธารณสุขสำหรับบริการกรณีโรคโควิด -19 เป้าหมายบริการตรวจคัดกรอง และบริการรักษาพยาบาล
10. เงินช่วยเหลือเบื้องต้นผู้รับบริการ และผู้ให้บริการเป้าหมาย 1,657 คน
11. ค่าบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค เป้าหมาย 66,210,000 คน
รวมทั้ง งบประมาณบริหารงานสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) โดยสิทธิประโยชน์ใหม่ที่ประชาชนจะได้รับ เช่นการผ่าตัดปลูกถ่ายตับในผู้ป่วยโรคตับแข็งระยะกลาง – ท้าย, การตรวจคัดกรองยีนส์ HLA-B*5801 ก่อนเริ่มยา Allopurinol ในผู้ป่วยโรคเกาต์
นอกจากนี้ ยังเพิ่มรายการอุปกรณ์ Extracorporeal Membrane ในการรักษาภาวะหัวใจ/ปอดล้มเหลวเฉียบพลัน